2559 Flashcards

1
Q

ผนังเซลล์ของเห็ดรา มีองค์ประกอบเป็นสารชนิดใด

A. เซลลูโลส
B. ลิกนิน
C. ไคติน
D. เห็ดราไม่มีผนังเซลล์

A

C. ไคติน

อธิบาย
ผนังเซลล์ของเห็ดรามีองค์ประกอบหลักเป็นไคติน (chitin) ซึ่งเป็นโพลิแซ็กคาริดที่มีนิโตรเจน และเป็นสารที่พบในผนังเซลล์ของแมลง และสัตว์กลุ่มอาร์โทรโพดา (arthropods) ด้วย ในขณะที่พืชมีผนังเซลล์ที่ประกอบด้วยเซลลูโลส (cellulose)

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
2
Q

สารชีวโมเลกุลในข้อใด หากมีการสลายอย่างสมบูรณ์แล้วจะได้หน่วยย่อย (monomer) เพียงชนิดเดียว

A. ดีเอ็นเอ
B. อาร์เอ็นเอ
C. ไกลโคเจน
D. โปรตีน

A

C. ไกลโคเจน

อธิบาย
ไกลโคเจนเป็นพอลิแซ็กคาไรด์ซึ่งประกอบไปด้วยโมเลกุลกลูโคส (glucose) หลายๆ โมเลกุลที่ต่อกันเป็นสายยาว หากมีการสลายไกลโคเจนอย่างสมบูรณ์แล้ว จะได้หน่วยย่อย (monomer) คือ กลูโคส

สำหรับสารชีวโมเลกุลอื่น ๆ ดังนี้
ดีเอ็นเอ (DNA): หน่วยย่อยคือนิวคลีโอไทด์ที่ประกอบด้วยไนโตรจีนัสเบส 4 ชนิด (A, T, C, G)
อาร์เอ็นเอ (RNA): หน่วยย่อยคือนิวคลีโอไทด์ที่ประกอบด้วยฐานไนโตรเจน 4 ชนิด (A, U, C, G)
โปรตีน: หน่วยย่อยคือ กรดอะมิโน 20 ชนิด

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
3
Q

เทคโนโลยีที่ใช้ลักษณะเฉพาะทางชีวภาพ เช่น ลายนิ้วมือ ม่านตา ในการระบุตัวตนบุคคล เรียกว่าอะไร

A. Bioinformatics
B. Biosensor
C. Biomechanics
D. Biometrics

A

D. Biometrics

อธิบาย
Biometrics คือ เทคโนโลยีที่ใช้เพื่อระบุตัวตนของบุคคลผ่านการวิเคราะห์และเปรียบเทียบลักษณะทางชีวภาพหรือพฤติกรรมที่มีความเฉพาะบุคคล รวมทั้งสมบัติที่ไม่ซ้ำกันในเรื่องการระบุตัวตน เทคโนโลยีนี้ใช้ลักษณะทางชีวภาพของบุคคลในการระบุตัวตน ไม่ว่าจะเป็นลายนิ้วมือ รูปร่างของหน้าตา ม่านตาตา การพูด หรือการเดิน เป็นต้น

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
4
Q

ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการไหลของไซโทพลาซึม (cytoplasmic streaming) ของเซลล์

A. เกิดขึ้นเฉพาะเซลล์โพรแคริโอตเท่านั้น
B. เกิดจากซิเลียหรือแฟลกเจลลา
C. ไม่พบในพืชที่มีสีเขียว
D. เกิดจากไมโครฟิลาเมนต์ภายในเซลล์

A

D. เกิดจากไมโครฟิลาเมนต์ภายในเซลล์

อธิบาย
การไหลของไซโทพลาซึมหรือ “cytoplasmic streaming” เป็นการเคลื่อนที่ของไซโทพลาซึมภายในเซลล์ ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนที่ของไมโครฟิลาเมนต์ หรือโปรตีนเส้นใยขนาดเล็กที่เป็นส่วนหนึ่งของไซโทสเกเลตัล การไหลนี้ช่วยในการเคลื่อนที่ของสารอาหาร และขยะเซลล์ ภายในเซลล์

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
5
Q

โปรตีนในข้อใดที่ไม่ได้ถูกสร้างจากร่างแหเอนโดพลาซึมแบบขรุขระ

A. โปรตีนในไลโซโซม
B. โปรตีนใน extracellular matrix
C. โปรตีนในไมโทคอนเดรีย
D. โปรตีนในเยื่อหุ้มเซลล์

A

C. โปรตีนในไมโทคอนเดรีย

อธิบาย
ไมโทคอนเดรียมีดีเอ็นเอของตนเองและสามารถสังเคราะห์โปรตีนของตนเองได้ โดยไม่ได้ใช้ร่างแหของเอนโดพลาซึมแบบขรุขระในการสังเคราะห์โปรตีน

ในขณะที่โปรตีนในไลโซโซม โปรตีนใน extracellular matrix และโปรตีนในเยื่อหุ้มเซลล์ ทั้งหมดนี้ถูกสร้างขึ้นจากร่างแหของเอนโดพลาซึมแบบขรุขระ

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
6
Q

กระบวนการเมแทบอลิซึมในข้อใดที่เกิดขึ้นภายในไมโทคอนเดรีย

A. การสลายกรดไขมัน
B. ไกลโคลิซิส
C. การสร้างคลอเรสเตอรอล
D. การสลายไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์

A

A. การสลายกรดไขมัน

กระบวนการเมแทบอลิซึมที่เกิดขึ้นภายในไมโทคอนเดรียคือการสลายกรดไขมัน (fatty acid oxidation) หรือเรียกอีกชื่อว่า การเบต้า-การอกซิเดชัน (beta-oxidation) กระบวนการนี้กรดไขมันจะถูกตัดเป็นโมเลกุลที่มีขนาดเล็ก (2 Carbon) และผลิตพลังงานที่จำเป็นสำหรับเซลล์

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
7
Q

โครงสร้างใดในเซลล์พืชที่ทำหน้าที่ช่วยในการรักษาแรงดันเต่งของเซลล์

A. คลอโรพลาสต์
B. ไรโบโซม
C. เพอร์ออกซิโซม
D. เซ็นทรัล แวคิวโอล

A

D. เซ็นทรัล แวคิวโอล

เซ็นทรัล แวคิวโอล (Central Vacuole) เป็นโครงสร้างภายในเซลล์พืชที่มีขนาดใหญ่และมีหน้าที่สำคัญคือการเก็บน้ำและสารต่างๆ ไว้ภายในเซลล์ ซึ่งช่วยในการรักษาแรงดันเต่ง (turgor pressure) ของเซลล์ แรงดันเต่งนี้มีส่วนช่วยให้เซลล์และพืชทั้งต้นคงรูปร่างเป็นไปตามปกติ และเมื่อเซลล์มีน้ำเพียงพอ แรงดันเต่งจะสูง ทำให้เซลล์และพืชทั้งต้นยืดตัวและแข็งแรง

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
8
Q

ในเซลล์พืช การถ่ายทอดอิเล็กตรอนแบบเป็นวัฏจักรจะทำให้เกิดเหตุการณ์ในข้อใด

A. สร้าง ATP
B. NADP+ ถูกรีดิวซ์กลายเป็น NADPH
C. เกิดแก๊สออกซิเจน
D. ระบบแสงที่ II ถูกออซิไดซ์

A

A. สร้าง ATP

การถ่ายทอดอิเล็กตรอนแบบเป็นวัฏจักร (cyclic electron transport) เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นในเซลล์พืช และทำให้เกิดการสร้าง ATP โดยใช้ระบบแสง I เท่านั้น แต่ไม่มีการสร้าง NADPH หรือการปล่อยแก๊สออกซิเจน

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
9
Q

เนื้อเยื่อของพืชบริเวณใดที่จะมีการผลิตแก๊สออกซิเจนมากที่สุด

A. คอร์เทกซ์
B. เอพิเดอร์มิส
C. พาลิเสด มีโซฟิลล์
D. วาสคูลาร์ แคมเบียม

A

C. พาลิเสด มีโซฟิลล์

พาลิเสดมีโซฟิลล์ (palisade mesophyll) คือเนื้อเยื่อของพืชที่เรียงตัวอยู่ในชั้นบนของใบพืช และมีคลอโรพลาสต์จำนวนมาก ซึ่งภายในมีคลอโรฟิลล์ในการดูดกลืนแสงเพื่อนำไปสู่กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (photosynthesis) และในกระบวนการนี้แก๊สออกซิเจนจะถูกผลิตขึ้น ดังนั้นพาลิเสดมีโซฟิลล์คือส่วนของพืชที่มีการผลิตแก๊สออกซิเจนมากที่สุด

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
10
Q

หากนําเซลล์ของพืชน้ําจืดชนิดหนึ่ง ไปแช่ในน้ําทะเล จะเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น

A. น้ำจะเคลื่อนที่เข้าสู่เซลล์ ทำให้เซลล์แตกออก
B. น้ำจะเคลื่อนที่เข้าสู่เซลส์ แต่เซลล์จะไม่แตกออกเนื่องจากเซลล์พืชมีผนังเซลล์
C. น้ำจะเคลื่อนที่ออกจากเซลล์ ทำให้เยื่อหุ้มเซลล์เกิดการหดตัว
D. น้ำจะเคลื่อนที่ออกจากเซลล์ ทำให้เยื่อหุ้มเซลล์และผนังเซลล์เกิดการหดตัว

A

C. น้ำจะเคลื่อนที่ออกจากเซลล์ ทำให้เยื่อหุ้มเซลล์เกิดการหดตัว

เมื่อเซลล์พืชน้ำจืดมาแช่ในน้ำทะเลที่มีความเค็มสูง น้ำภายในเซลล์จะเคลื่อนที่ออกจากเซลล์ผ่านกระบวนการออสโมซิส เนื่องจากน้ำภายนอกเซลล์มีเข้มค้นของสารสูง ซึ่งทำให้ค่าศักย์ของน้ำ (water potential) ต่ำกว่าภายในเซลล์ ทำให้น้ำภายในเซลล์ไหลออก เรียกสถานะของเซลล์นี้เรียกว่า เซลล์เหี่ยว (plasmolysis) โดยปกติแล้วจะไม่ทำให้ผนังเซลล์หดตัว แต่จะทำให้เยื่อหุ้มเซลล์หดตัวและห่างจากผนังเซลล์

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
11
Q

ข้อความใดกล่าวไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับแบบจำลอง fluid mosaic model ของเยื่อหุ้มเซลล์

A. โมเลกุลของลิพิดมีการเคลื่อนที่ในแนวระนาบตลอดเวลา
B. โมเลกุลของลิพิดมีการสลับตำแหน่งจากชั้นหนึ่งไปยังอีกชั้นหนึ่งตลอดเวลา
C. โปรตีนที่ฝังอยู่บนเยื่อหุ้มเซลล์สามารถเคลื่อนที่ในแนวระนาบได้
D. ชนิดและองค์ประกอบของลิพิดมีผลต่อความเป็นของเหลวของเยื่อหุ้มเซลล์

A

B. โมเลกุลของลิพิดมีการสลับตำแหน่งจากชั้นหนึ่งไปยังอีกชั้นหนึ่งตลอดเวลา

ในแบบจำลอง fluid mosaic model ของเยื่อหุ้มเซลล์ โมเลกุลของลิพิดสามารถเคลื่อนที่ได้เฉพาะในแนวระนาบของเยื่อหุ้มเซลล์ แต่ไม่มีการสลับตำแหน่งจากชั้นหนึ่งไปยังอีกชั้นหนึ่งตลอดเวลา

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
12
Q

ในกระบวนการงอกของเมล็ด เปลือกหุ้มเมล็ดจะเกิดการแตกออกเนื่องมาจากสาเหตุใด

A. เกิดการเปลี่ยนแปลงขนาดของใบเลี้ยง
B. เกิดการแบ่งตัวของเซลล์อย่างรวดเร็ว
C. เกิดการหายใจระดับเซลล์ในอัตราสูงของเอ็มบริโอ
D. เกิดการดูดน้ำในปริมาณมากของเมล็ด

A

D. เกิดการดูดน้ำในปริมาณมากของเมล็ด

เมื่อเมล็ดพืชงอก เมล็ดจะเริ่มดูดน้ำจากสิ่งแวดล้อมเข้าไปภายในเมล็ด การดูดน้ำนี้ทำให้เกิดการขยายของเนื้อเยื่อภายในเมล็ด ทำให้เปลือกหุ้มเมล็ดถูกขยายและแตกออก กระบวนการนี้ช่วยให้เอ็มบริโอ (embryo) ภายในเมล็ดสามารถแทรกออกมาและเริ่มการเจริญเติบโต

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
13
Q

เซลล์พืชชนิดใดที่จำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการตายของเซลล์แบบที่มีการกําหนดไว้แล้ว (programmed cell death) เพื่อให้สามารถทํางานได้

A. เซลล์ลำเลียงอาหาร
B. เซลล์หมวกราก
C. เซลล์เวสเซล
D. เซลล์คุม

A

C. เซลล์เวสเซล

เซลล์เวสเซล (vessel cells) ในพืชสามารถทำงานได้หลังจากที่มีการตายของเซลล์แบบที่มีการกำหนดไว้แล้ว (programmed cell death) โดยหลังจากกระบวนการตายของเซลล์เยื่อหุ้มเซลล์จะถูกทำลายออกไป ทำให้เซลล์เวสเซลสามารถเชื่อมต่อกันเป็นท่อยาวๆ ที่ใช้สำหรับการลำเลียงน้ำและธาตุอาหารจากรากไปยังส่วนต่างๆ ของพืชได้

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
14
Q

พืชชั้นสูงมีการกำหนดขั้วในการเจริญเติบโตเป็นด้านรากและด้านต้น การกําหนดขั้วดังกล่าวถูกกำหนดเมื่อใด

A. ตั้งแต่ต้นอ่อนได้รับแสงครั้งแรก
B. ตั้งแต่เกิดการงอกของรากลงสู่ดิน
C. ตั้งแต่เกิดการสร้างดอกในต้นพ่อแม่
D. ตั้งแต่เกิดเป็นเอ็มบริโอในเมล็ด

A

D. ตั้งแต่เกิดเป็นเอ็มบริโอในเมล็ด

การกำหนดขั้วในการเจริญเติบโตเป็นด้านรากและด้านต้นเริ่มตั้งแต่ระยะเอ็มบริโอในเมล็ด หรือที่เรียกว่า การกำหนดขั้วเซลล์ (cellular polarity) เป็นคุณสมบัติที่สำคัญในการพัฒนาของพืช โดยเริ่มเกิดตั้งแต่ระยะการพัฒนาเป็นเอ็มบริโอ โดยด้านที่จะกลายเป็นรากจะมีคุณสมบัติและฟัหน้าที่แตกต่างจากด้านที่จะกลายเป็นต้น

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
15
Q

โมเลกุลของอาหารในข้อใดบ้างที่พบในหลอดเลือด hepatic portal vein

ก. มอลโตส
ข. แลกโตส
ค. กาแลคโตส
ง. กรดอะมิโน

A. ก และ ข
B. ค และ ง
C. ข และ ค
D. ก และ ค

A

B. ค และ ง

หลอดเลือด hepatic portal vein คือ ระบบเส้นเลือดที่นำโมเลกุลอาหารที่ดูดซึมจากระบบย่อยไปยังตับ โมเลกุลอาหารที่พบในหลอดเลือดนี้ได้แก่ กาแลคโตส (galactose) และ กรดอะมิโน (amino acids) แต่ไม่มีมอลโตสหรือแลกโตสเนื่องจากเป็นสารที่ยังไม่ใช่ Monomer จึงยังไม่มีการดูดซึมเข้าระบบไหลเวียนเลืด

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
16
Q

กระบวนการเพอริสตัลซิส (peristalsis) เป็นการหดตัวของกล้ามเนื้อชนิดใด

A. กล้ามเนื้อเรียบ
B. กล้ามเนื้อลาย
C. กล้ามเนื้อหัวใจ
D. กล้ามเนื้อทุกชนิดเกิดการหดตัวแบบเพอริสตัลซิส

A

A. กล้ามเนื้อเรียบ

กระบวนการเพอริสตัลซิส (peristalsis) คือ การหดตัวเป้นระลอกคลื่นของกล้ามเนื้อเรียบที่อยู่ในผนังของหลอดอาหาร และระบบย่อยอาหาร ทำให้อาหารที่อยู่ภายในสามารถเคลื่อนที่ไปได้

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
17
Q

นำน้ำมาจากแหล่งน้ำแห่งหนึ่ง เพื่อศึกษาสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กภายใต้กล้องจุลทรรศน์ การที่จะระบุว่าโพรโตซัวที่มีชีวิตชนิดหนึ่งที่เห็น เป็นชนิดที่อาศัยอยู่ในน้ำจืดหรือน้ำเค็มนั้น ระบุจากอะไร

A. ระบุจากชนิดของพืชน้ำที่ปนมากับน้ำ
B. เปรียบเทียบจากภาพในหนังสือที่รวบรวมโพรโตซัวชนิดต่าง ๆ
C. ตรวจสอบการมี contractile vacuole หรือไม่
D. ตรวจสอบจากออร์แกเนลล์ที่ใช้เคลื่อนไหว

A

C. ตรวจสอบการมี contractile vacuole หรือไม่

Contractile vacuole เป็นองค์ประกอบของเซลล์ที่พบในโพรโตซัวน้ำจืด และมีหน้าที่ในการขับน้ำออกจากเซลล์ โพรโตซัวอาศัยอยู่ในน้ำจืดมีความเข้มข้นของน้ำในเซลล์ต่ำกว่าน้ำภายนอกเซลล์ ส่งผลให้น้ำเคลื่อนที่เข้าสู่เซลล์โดยปริมาณมาก ทำให้เซลล์มีความเสี่ยงที่จะแตกพัง Contractile vacuole จึงทำหน้าที่ในการป้องกันสภาวะนี้โดยการหดตัวบีบน้ำออก

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
18
Q

เซลล์หรือสิ่งมีชีวิตใดต่อไปนี้มีโครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนไหวเหมือนกัน

A. ปีกนกกับปีกแมลง
B. เซลล์อะมีบากับเซลล์เม็ดเลือดขาว
C. ครีบปลากับครีบของวาฬ
D. ครีบปลากับปีกแมลง

A

C. ครีบปลากับครีบของวาฬ

Analogous structures คือโครงสร้างที่มีหน้าที่คล้ายกันแต่มีการกำเนิดและโครงสร้างทางชีวภาพที่แตกต่างกัน ครีบปลากับครีบของวาฬก็เป็นตัวอย่างของโครงสร้างที่มีหน้าที่เดียวกันคือใช้เคลื่อนที่ในน้ำ แต่มีการกำเนิดและโครงสร้างทางชีวภาพที่แตกต่างกัน

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
19
Q

ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง ในภาวะของร่างกายที่ขาดน้ำ

A. ต่อมใต้สมองส่วนหลังถูกกระตุ้นให้มีการหลั่งฮอร์โมน ADH ไปมีผลต่อหน่วยไตให้ดูดกลับน้ำ
B. เมื่อร่างกายขาดน้ำจะมีผลกระตุ้นสมองไฮโพทาลามัส ส่วนที่ควบคุมการกระหายน้ำ
C. ต่อมหมวกไตถูกกระตุ้นให้หลั่งฮอร์โมนอัลโดสเตอโรน (aldosterone) ไปมีผลต่อหน่วยไตให้ดูดกลับน้ำมากขึ้น
D. เมื่อร่างกายขาดน้ำจะทำให้แรงดันเลือดเพิ่มสูงขึ้น

A

ข้อนี้มีข้อผิดสองข้อ คือ
D เมื่อร่างกายขาดน้ำจะทำให้แรงดันเลือดเพิ่มสูงขึ้น

กล่าวไม่ถูกต้อง
เมื่อร่างกายขาดน้ำจะทำให้แรงดันเลือดลดลง

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
20
Q

โปรตีนชนิดใดไม่เกี่ยวข้องกับการหดตัวของกล้ามเนื้อ

A. Tubulin
B. Troponin
C. Tropomyosin
D. Actin

A

A. Tubulin

Tubulin ไม่เกี่ยวข้องกับการหดตัวของกล้ามเนื้อ แต่เป็นโปรตีนที่ใช้ในการสร้าง microtubules ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างไซโทสเกเลตัล ในขณะที่ Troponin, Tropomyosin และ Actin เป็นโปรตีนที่มีความสำคัญในการหดตัวของกล้ามเนื้อ

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
21
Q

ข้อใดไม่ใช่ภาวะผิดปกติที่เกิดจากโกรทฮอร์โมน (growth hormone)

A. Dwarfism
B. Giantism
C. Acromegaly
D. Cushing syndrome

A

D. Cushing syndrome

ภาวะ Cushing syndrome ไม่เกิดจากโกรทฮอร์โมน (growth hormone) แต่เกิดจากการหลั่งฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตในปริมาณมากเกินไป ซึ่งฮอร์โมนนี้มีผลต่อการเพิ่มน้ำหนัก, การสะสมไขมัน, และการเพิ่มความดันโลหิต แต่ Dwarfism, Giantism, และ Acromegaly เป็นภาวะผิดปกติที่เกิดจากการหลั่ง growth hormone ในปริมาณที่ต่างจากปกติ

Dwarfism - ภาวะนี้เกิดจากการหลั่ง GH ในปริมาณน้อยเกินไปหรือไม่มีเลย ซึ่งส่งผลให้เตี้ยเคระ มีการเจริญเติบโตของกระดูกและกล้ามเนื้อไม่สมบูรณ์ ทำให้มีความสูงน้อยกว่าปกติ

Giantism - ภาวะนี้เกิดจากการหลั่ง GH ในปริมาณมากเกินไป โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ร่างกายยังอยู่ในระยะการเจริญเติบโต (วัยเด็ก) ส่งผลให้ร่างกายมีขนาดใหญ่และมีความสูงเกินกว่าปกติ

Acromegaly - ภาวะนี้เกิดจากการหลั่ง GH ในปริมาณมากเกินไปในช่วงเวลาหลังจากที่ร่างกายหยุดการเจริญเติบโตแล้ว ผลของ GH จึงส่งผลทำให้มีการขยายขนาดของกระดูกและเนื้อเยื่ออื่น ๆ ทำให้มีการเพิ่มขนาดของแขน, ขา, มือ, เท้า, ใบหน้า, และขากรรไกร

22
Q

ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับระบบประสาทอัตโนวัติ

A. เซลล์ประสาทสั่งการตัวที่ 1 ในระบบประสาทซิมพาเทติกอยู่ในส่วนไขสันหลังส่วนอกและกระเบนเหน็บ
B. เซลล์ประสาทสั่งการตัวที่ 1 ในระบบประสาทพาราซิมพาเทติกอยู่ในส่วนไขสันหลังส่วนเอว
C. อะซิติลโคลีนเป็นสารสื่อประสาทของเซลล์ประสาทสั่งการตัวที่ 1
D. ศูนย์กลางการสั่งการของระบบประสาทซิมพาเทติกอยู่ในส่วนไขสันหลังและสมอง

A

C. อะซิติลโคลีนเป็นสารสื่อประสาทของเซลล์ประสาทสั่งการตัวที่ 1

สารสื่อประสาทที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทสั่งการตัวที่ 1 และตัวที่ 2 ในช่อง synapse คือ อะซิติลโคลีน การปล่อยอะซิติลโคลีนออกมาจากเซลล์ประสาทสั่งการตัวที่ 1 จะเป็นการกระตุ้นให้เซลล์ประสาทสั่งการตัวที่ 2 ทำงาน ซึ่งจะทำให้เกิดการตอบสนองต่อการกระตุ้นจากระบบประสาทมพาเทติก และพาราซิมพาเทติก

23
Q

ถ้าเบตาเซลล์ (B-cell) ของ Islets of Langerhans ไม่สามารถทํางานได้ ข้อใดต่อไปนี้คือสิ่งที่จะเกิดขึ้น

A. น้ำตาลในเลือดและปัสสาวะเพิ่มขึ้น
B. น้ำตาลในเลือดและปัสสาวะลดลง
C. น้ำตาลในเลือดลดลงแต่ในปัสสาวะเพิ่มขึ้น
D. น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นแต่ในปัสสาวะลดลง

A

A. น้ำตาลในเลือดและปัสสาวะเพิ่มขึ้น

เบตาเซลล์ (B-cells) ใน Islets of Langerhans ของตับเป็นเซลล์ที่ผลิตฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งมีหน้าที่ในการช่วยในการลำเลียงน้ำตาลเข้าไปเก็บในเซลล์ตับและกล้ามเนื้อในรูปของไกลโคเจน ถ้าเบตาเซลล์ไม่สามารถทำงานได้ จะทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น และทำให้มีน้ำตาลในปัสสาวะซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเบาหวานแบบที่ 1 (type 1 diabetes)

24
Q

แม่ไก่กกไข่ ถ้าเราเอาไข่ไก่ออกไป ใส่ก้อนหินลงไปแทน แม่ไก่ก็ยังกกไข่อยู่ การทดลองนี้แสดงว่า เป็นพฤติกรรมแบบใด

A. ความเคยชิน
B. สัญชาตญาณ
C. ลองผิดลองถูก
D. การฝังใจ

A

B. สัญชาตญาณ

พฤติกรรมของแม่ไก่ที่กกไข่เป็นสัญชาตญาณหรือพฤติกรรมที่มีมาแต่กำเนิด เกิดขึ้นโดยไม่ต้องมีการเรียนรู้ พฤติกรรมนี้เกิดขึ้นอัตโนมัติเมื่อเจอกับสถานการณ์ที่กระตุ้นให้มีการแสดงออก ไม่ว่าสถานการณ์นั้นจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร แม่ไก่ก็ยังมีพฤติกรรรมกกไข่อยู่ แม้ว่าไข่จะถูกแทนที่ด้วยหินก็ตาม

25
Q

ลิงฝูงหนึ่งอาศัยอยู่ในป่า อาหารในป่าลดลงเนื่องจากคนบุกรุกเข้าไปทำลายป่า ลิงจึงอพยพมาหาอาหารในหมู่บ้าน ช่วงแรกลิงกลัวไม่กล้าเข้าใกล้คน แต่พบว่าคนไม่ทำอันตรายและให้อาหารแก่ลิง ทำให้ช่วงหลังลิงไม่กลัวคนและวิ่ง เข้ามาขออาหาร พฤติกรรมของลิงในช่วงแรกและช่วงหลังเป็นแบบใด

A. สัญชาตญาณ และ Habituation
B. ลองผิดลองถูก และ Conditioning
C. รีเฟลกซ์ต่อเนื่อง และ Imprinting
D. ลองผิดลองถูก และ Learning

A

D. ลองผิดลองถูก และ Learning

ช่วงแรกลิงไม่กล้าเข้าใกล้คนเนื่องจากความไม่แน่ใจและความกลัว ซึ่งเป็นการลองผิดลองถูกในการประเมินสภาวะที่ไม่รู้จักกับสภาวะที่เคยเจอมาก่อน แต่เมื่อลิงมีประสบการณ์ที่คนไม่ทำร้ายและให้อาหาร พฤติกรรมของลิงเปลี่ยนแปลงจากการเรียนรู้จากประสบการณ์ซึ่งเป็นการปรับตัวตามสภาวะใหม่ นี่คือการเรียนรู้ (Learning) จากการมีประสบการณ์

26
Q

ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ

A. สารพันธุกรรมของลูกเหมือนกับของแม่
B. การเพิ่มจํานวนของสิ่งมีชีวิตใหม่เป็นการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส
C. มีโอกาสเกิดลักษณะที่มีความแปรผันในรุ่นลูก
D. ในสภาวะที่ขาดแคลนอาหาร สิ่งมีชีวิตบางชนิดจะสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ

A

C. มีโอกาสเกิดลักษณะที่มีความแปรผันในรุ่นลูก

กล่าวไม่ถูกต้อง เพราะ
การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ (asexual reproduction) จะมีการส่งผ่านสารพันธุกรรมจากแม่ไปยังลูกโดยไม่มีการผสมจากสเปิร์มของพ่อ ดังนั้น ลักษณะของลูกจะเหมือนกับแม่ทุกประการ

27
Q

ข้อใดต่อไปนี้กล่าวไม่ถูกต้อง

A. หลังไข่ตก ฟอลลิเคิลกลายเป็นเนื้อเยื่อสีเหลือง เรียกว่า คอร์พัส ลูเตียม (Corpus luteum)
B. หลังจากปฏิสนธิ คอร์พัส ลูเตียมจะสลายไป
C. หลังจากมีประจําเดือน ประมาณ 2 สัปดาห์ไข่จะตกอีกครั้ง
D. ระยะตัวอ่อนที่ฝังตัวที่มดลูกคือระยะ blastocyst

A

B. หลังจากปฏิสนธิ คอร์พัส ลูเตียมจะสลายไป

กล่าวไม่ถูกต้อง เพราะ
หลังจากปฏิสนธิ คอร์พัส ลูเตียมจะยังคงอยู่และยังคงหลั่งฮอร์โมนที่รักษาการตั้งครรภ์ ตรงกันข้ามหากไม่เกิดปฏิสนธิ คอร์พัส ลูเตียมจะสลายไปและนำไปสู่การมีประจําเดือน

28
Q

“นางสมศรีสังเกตว่าตามฝาข้างตู้เลี้ยงปลา จะพบคราบสีเขียวขึ้น” จากข้อความดังกล่าว ข้อใดเป็นการป้องกันและควบคุมปริมาณของคราบสีเขียวนี้

A. ใส่หอยฝาเดียวลงไปในตู้ปลา
B. ใส่หอยสองฝาลงในตู้ปลา
C. ใส่พืชน้ําลงไปในตู้ปลา
D. ใส่สาหร่ายไปในตู้ปลา

A

A. ใส่หอยฝาเดียวลงไปในตู้ปลา

หอยฝาเดียว การกรองสาหร่ายในน้ำและสารอินทรีย์ในน้ำได้ ซึ่งสามารถช่วยลดปริมาณของคราบสีเขียว (ที่เกิดจากการขยายพันธุ์ของสาหร่าย) ในตู้ปลาได้

29
Q

เมื่อปี ค.ศ. 1980 ที่รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ภูเขาไฟเซนต์เฮเลนเกิดปะทุขึ้น อยากทราบว่ากระบวนการใดที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังจากสิ้นสุดการปะทุ

A. Extinction
B. Primary succession
C. Secondary succession
D. Invasion

A

B. Primary succession

หลังจากการปะทุของภูเขาไฟ พื้นที่ที่ถูกทำลายโดยการระเบิดจะกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่มีชีวิต กระบวนการที่เกิดขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้เรียกว่า “primary succession” โดยสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “pioneer species” จะเข้ามาเป็นพวกแรก ๆ ได้แก่ สาหร่าย, ไลเคน, และมอส ที่สามารถเติบโตในสภาพที่ยากลำบากแบบนี้ได้ pioneer species จะช่วยทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้นและสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการรอดของพืชและสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ ในอนาคต

30
Q

“บนใบกะหล่ำดอกมีหนอนผีเสื้อชนิดหนึ่ง ที่บนลําตัวของหนอนผีเสื้อนี้มีถุงดักแด้สีขาวเกาะอยู่เป็นจํานวนมาก” จากข้อความดังกล่าว ความสัมพันธ์ระหว่างหนอนผีเสื้อกับดักแด้คล้ายกับข้อใด

A. เพรียงอ่อนอาศัยอยู่ในร่างกายปูเพศผู้
B. แบคทีเรียในลําไส้ใหญ่ของกระต่าย
C. เหาฉลามเกาะอยู่ตามตัวปลาฉลาม
D. สาหร่ายซูแซนเทลลีอาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อปะการัง

A

A. เพรียงอ่อนอาศัยอยู่ในร่างกายปูเพศผู้

การสัมพันธภาพนี้เป็นตัวอย่างของ Parasitism ซึ่งมีฝ่ายหนึ่งที่ได้รับประโยชน์ (ดักแด้หรือเพรียงอ่อน) แต่ฝ่ายหนึ่งเสียประโยชน์ (หนอนผีเสื้อหรือปูเพศผู้)

31
Q

“นางสาวแก้วทำการทดลองทางชีววิทยาโดยนําหลอดทดลองมา 4 หลอด ใส่น้ำปริมาณเท่ากัน และหยดสารละลาย Bromthymol Blue ที่บรรจุสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ดังภาพ เขานำหลอดทั้งสี่วางไว้ข้างหน้าต่างใน ห้องเรียน สังเกตผลในเวลาเช้าและบ่ายติดต่อกัน 4 วัน”

จากข้อความนี้ นางสาวแก้วมุ่งที่จะศึกษาเกี่ยวกับอะไร

A. การแก่งแย่งแข่งขันของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดในหลอดทดลอง
B. อิทธิพลของปัจจัยทางกายภาพบางอย่างต่อการดํารงชีวิตของสิ่งมีชีวิต
C. การเปลี่ยนสีของ Bromthymol Blue กับปริมาตรน้ําในหลอดทดลอง
D. การถ่ายทอดพลังงานในห่วงโซ่อาหารภายในหลอดทดลอง

A

B. อิทธิพลของปัจจัยทางกายภาพบางอย่างต่อการดํารงชีวิตของสิ่งมีชีวิต

ปัจจัยทางกายภาพที่กำลังถูกศึกษาคือแสง ซึ่งมีผลต่อกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง การวางหลอดทดลองที่ข้างหน้าต่างที่มีแสงส่องถึงมีผลต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตในหลอดทดลองนั้น และการเปลี่ยนสีของสารละลาย Bromthymol Blue สามารถช่วยในการตรวจสอบและวัดผลกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงได้

Bromthymol Blue (BTB) คือตัวบ่งชี้ pH ที่ใช้วัดความเป็นกรด-ด่าง (pH) ของสารละลาย ในสภาวะที่เป็นกรด (pH ต่ำกว่า 7.0) สารละลาย BTB จะมีสีเหลือง แต่เมื่อ pH ของสารละลายเพิ่มขึ้นและเข้าสู่สภาวะเป็นด่าง (pH สูงกว่า 7) สารละลาย BTB จะมีสีน้ำเงิน

จากกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงจะใช้คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และแสงเป็นสารตั้งต้นในการผลิตและเก็บพลังงานในรูปของสารอินทรีย์ ในระบบปิดที่มีพืชดำรงชีวิตอยู่ และเกิดกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์จะลดลง และปริมาณออกซิเจนจะเพิ่มขึ้น การลดลงของคาร์บอนไดออกไซด์ในสารละลายจะทำให้ pH ของสารละลายเพิ่มขึ้น (มีความเป็นด่างมากขึ้น) และสารละลาย BTB จะเปลี่ยนสีเป็นสีนำ้เงิน

32
Q

“เมื่อสิงโตฆ่าม้าลายกินเป็นอาหารแล้ว นกแร้งจะลงไปกินซากม้าลายที่เหลือเป็นอาหาร” จากข้อความดังกล่าว ความสัมพันธ์ระหว่างสิงโตกับนกแร้ง คล้ายกับข้อใด

A. กบกินแมลงเป็นอาหาร
B. ดอกไม้ทะเลเกาะอยู่บนปูเสฉวน
C. เพรียงคอห่านและเพรียงหินอาศัยอยู่บนโขดหินริมชายหาด
D. ไลเคนส์เกาะอยู่บนเปลือกต้นไม้

A

B. ดอกไม้ทะเลเกาะอยู่บนปูเสฉวน

ความสัมพันธ์ระหว่างสิงโตกับนกแร้งคือความสัมพันธ์แบบภาวะอิงอาศัยหรือเกื้อกูล (Commensalism) ซึ่งนกแร้งกินซากม้าลายที่เหลือจากการล่าของสิงโต ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างดอกไม้ทะเลกับปูเสฉวนคือความสัมพันธ์แบบภาวะอิงอาศัยหรือเกื้อกูล (Commensalism) เช่นกัน

33
Q

นายสมหวังต้องการคาดคะเนประชากรปลานิลในบึง จึงให้แหจับปลานิลได้จํานวนหนึ่ง เขานับจํานวนปลานิลที่จับได้และขลิบหางปลาก่อนปล่อยลงในบึงเดิม อีก 1 สัปดาห์ต่อมา เขาใช้แหเดิมจับปลานิลที่บึงอีกครั้ง ได้ปลานิล ที่หางถูกขลิบแล้ว 20 ตัว และไม่ได้ขลิบหาง 30 ตัว ถ้าเขาคาดคะเนประชากรปลานิลได้เท่ากับ 150 ตัว ให้ นักเรียนคาดคะเนว่านายสมหวังจับปลานิลครั้งแรกได้กี่ตัว

A. 40 ตัว
B. 100 ตัว
C. 67 ตัว
D. 60 ตัว

A

D. 60 ตัว

(150/M1) = (50/20)
M1 = (20 * 150)/50
M1 = 3000/50
M1 = 60 ตัว

34
Q

นางสาวสมศรีต้องการหาขนาดประชากรเพรียงหินบริเวณโขดหินริมชายหาดขนาดพื้นที่ 40 ตารางเมตร โดยวางแปลงสี่เหลี่ยมขนาดพื้นที่หนึ่งตารางเมตร สุ่มตัวอย่าง 10 ครั้ง และนับจำนวน เพรียงหินได้ 10, 40, 25, 30, 50, 21, 48, 36, 60, 80 ตัว ตามลำดับ จากข้อมูลนี้คาดคะเนประชากรได้เท่าใด

A. 40 ตัว
B. 1,600 ตัว
C. 400 ตัว
D. 16,000 ตัว

A

B. 1,600 ตัว

นางสาวสมศรีใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างเพื่อหาจำนวนเพรียงหินในแปลงสี่เหลี่ยมขนาดพื้นที่หนึ่งตารางเมตร โดยทำการสุ่มตัวอย่าง 10 ครั้ง

จากการสุ่มตัวอย่าง จำนวนเพรียงหินที่นับได้คือ 10, 40, 25, 30, 50, 21, 48, 36, 60, 80 ตัว

คำนวณค่าเฉลี่ยจำนวนเพรียงหินในแต่ละการสุ่มตัวอย่าง:

(10 + 40 + 25 + 30 + 50 + 21 + 48 + 36 + 60 + 80) / 10 = 400/10 = 40 ตัว/ตารางเมตร

คำนวณขนาดประชากรของเพรียงหินในพื้นที่ทั้งหมด:

40 ตัว/ตารางเมตร * 40 ตารางเมตร = 1,600 ตัว

35
Q

จากกราฟแสดงการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตตั้งแต่แรกเกิดจนถึงตายไปตามอายุขัย สิ่งมีชีวิตคู่ใดมีกราฟการอยู่รอดเหมือนกัน และเป็นรูปแบบใด

A. กระรอกและม้า เป็นรูปแบบที่ 1
B. หอยแมลงภู่และนกนางนวล เป็นรูปแบบที่ 2
C. หมึกกระดองและปลาแซลมอน เป็นรูปแบบที่ 3
D. ช้างและเต่าทะเล เป็นรูปแบบที่ 2

A

C. หมึกกระดองและปลาแซลมอน เป็นรูปแบบที่ 3

หมึกกระดองและปลาแซลมอน จัดอยู่ในกราฟของการอยู่รอด (Survivorship curve) ประเภท III (Type III) ในประเภทนี้สิ่งมีชีวิตจะมีการวางไข่หรือเกิดลูกจำนวนมากในครั้งเดียว เพื่อเพิ่มโอกาสรอดชีวิต

36
Q

หากแหล่งน้ําแห่งหนึ่ง ถูกปนเปื้อนด้วยของเสียจากแหล่งชุมชนและเกษตรกรรม จะก่อให้เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ติดตามมา ยกเว้นข้อใด

A. แบคทีเรียแอโรบิคมีจํานวนเพิ่มมากขึ้น
B. แบคทีเรียแอนแอโรบิคมีจํานวนเพิ่มมากขึ้น
C. หนอนแดงเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและมีตัวสีแดงเข้ม
D. สาหร่ายเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วจนน้ํากลายเป็นสีเขียว

A

A. แบคทีเรียแอโรบิคมีจํานวนเพิ่มมากขึ้น

กล่าวไม่ถูกต้อง
เมื่อแหล่งน้ำถูกปนเปื้อนด้วยของเสียจากแหล่งชุมชนและเกษตรกรรม อาจเกิดเพิ่มขึ้นของแบคทีเรียแอโรบิค (anaerobic bacteria) ซึ่งสามารถย่อยสลายของเสียได้ แต่แบคทีเรียแอโรบิค (aerobic bacteria) จะลดลงเพราะมีออกซิเจนในน้ำต่ำลง

37
Q

สิ่งมีชีวิตในข้อใด จัดเป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่น (Alien species) เช่นเดียวกับเต่าแก้มแดงหรือผักตบชวา

A. งูจงอาง ไมยราบยักษ์
B. เต่าตนุ สาบเสือ
C. เต่ากระ หญ้าคา
D. ปลานิล ยางพารา

A

D. ปลานิล ยางพารา

ปลานิลและยางพาราไม่ได้มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย แต่ถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศ เหมือนกับเต่าแก้มแดงหรือผักตบชวา ซึ่งจัดเป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่นหรือ Alien species

38
Q

จากสายใยอาหารข้างล่าง หากกำจัดนกกางเขนบ้านออกไปจากสายใยอาหาร จะเกิดผลอย่างไร

I. ประชากรงูเหลือมเพิ่มจํานวนมากขึ้น
II. ประชากรนกคุ้มอกลายเพิ่มจํานวนมากขึ้น
III. ประชากรแมลงกระชอนและตกแตน เพิ่มจํานวนมากขึ้น
IV. เกิดการแก่งแย่งระหว่างแมลงกระชอน ตกแตน และนกคุ้มอกลาย

A. I และ II
B. II และ IV
C. III และ IV
D. I และ V

A

ถูกต้องคือ C. III และ IV

หากนกกางเขนบ้านถูกกำจัดออกจากสายใยอาหาร จะเกิดผลดังนี้:
III. ประชากรแมลงกระชอนและตกแตนเพิ่มจำนวนมากขึ้น เนื่องจากไม่มีนกกางเขนบ้านมาล่ากินแมลงเหล่านี้ ทำให้ประชากรแมลงมีโอกาสเพิ่มขึ้น
IV. เกิดการแก่งแย่งระหว่างแมลงกระชอน ตกแตน และนกคุ้มอกลาย นกคุ้มอกลายก็จะมาแทนที่นกกางเขนบ้าน และร่วมแก่งแย่งแหล่งอาหารกับแมลงกระชอนและตกแตน

39
Q

ถ้าสารเคมีที่ดีที่ปนเปื้อนลงสู่แหล่งน้ำแห่งหนึ่ง พบว่าแพลงก์ตอนพืชมีมวลชีวภาพ 1,500 กิโลกรัม ดูดซึมดีดีทีได้ปริมาณ 10^-6 ไมโครกรัม/กิโลกรัม จากพีระมิดมวลชีวภาพ (ดังภาพ) ข้อใดถูกต้อง

A. ปลามีมวลชีวภาพ 15 กก. มีที่ดีที่สะสม 10^-6 ไมโครกรัม/กิโลกรัม
B. ด้วงดิ่งมีมวลชีวภาพ 15 กก. มีที่ดีที่สะสม 10^-4 ไมโครกรัม/กิโลกรัม
C. ไรแดงมีมวลชีวภาพ 150 กก. มีที่ดีที่สะสม 10^-7 ไมโครกรัม/กิโลกรัม
D. ไรแดงและด้วงดิ่งมีมวลชีวภาพ 1,500 กก. มีที่ดีที่สะสม 10^-6 ไมโครกรัม/กิโลกรัมเท่ากัน

A

B. ด้วงดิ่งมีมวลชีวภาพ 15 กก. มีที่ดีที่สะสม 10^-4 ไมโครกรัม/กิโลกรัม

ด้วงดิ่งเป็นสัตว์ที่อยู่ในระดับที่ 3 ของพีระมิดมวลชีวภาพ และจะกินไรแดง ดังนั้น ด้วงดิ่งจะดูดซึมดีดีทีจากไรแดง

แพลงก์ตอนพืชมีมวลชีวภาพ 1,500 กิโลกรัม และมีดีดีทีสะสม 10^-6 ไมโครกรัม/กิโลกรัม เมื่อด้วงดิ่งกินไรแดง ดีดีทีจะสะสมในร่างกายด้วงดิ่งและเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการสะสมพิษแบบชั้นเป็นชั้น (biomagnification)

40
Q

จากแผนภาพแสดงวัฏจักรของสารในระบบนิเวศแห่งหนึ่ง ข้อใดกล่าวถูกต้องที่สุด

A. เป็นวัฏจักรคาร์บอน โดย Process A เกิดจากการหายใจของสิ่งมีชีวิตปล่อย CO2 สู่บรรยากาศ
B. เป็นวัฏจักรไนโตรเจน เนื่องจากสารมีการหมุนเวียนคืนสู่ชั้นบรรยากาศโดยอาศัย denitrifying bacteria
C. Process D เกิดจากการเน่าเปื่อยของซากสิ่งมีชีวิต เกิดกระบวนการสร้างแอมโมเนีย (Ammonification)
D. การหมุนเวียนของสารสามารถดําเนินต่อไปได้ แม้ขาด Process A

A

D. การหมุนเวียนของสารสามารถดําเนินต่อไปได้ แม้ขาด Process A

เพราะยังมีการหมุนเวียนด้วย Process B อยู่

41
Q

จากตารางแสดงสมบัติทางเคมีและกายภาพบางประการของน้ำทิ้งจากโรงงานต่าง ๆ ข้อใดกล่าวถูกต้องที่สุด

A. น้ำทิ้งจากโรงงาน C มีการสลายสารอินทรีย์โดยแบคทีเรียแอโรบิคน้อยที่สุด และมีค่า DO สูงที่สุด
B. โรงงาน A มีค่า DO สูงที่สุด ในขณะที่โรงงาน C มีค่า DO ต่ำที่สุด
C. โรงงาน B มีการสลายสารอินทรีย์โดยแบคทีเรียแอโรบิคในน้ำทิ้งน้อยกว่าโรงงาน D
D. น้ำทิ้งจากโรงงาน C จำเป็นต้องบำบัดน้ำเสียก่อนโรงงาน A และน้ำมีสภาวะเป็นด่างสูงสุด

A

A. น้ำทิ้งจากโรงงาน C มีการสลายสารอินทรีย์โดยแบคทีเรียแอโรบิคน้อยที่สุด และมีค่า DO สูงที่สุด

DO (Dissolved Oxygen): คือออกซิเจนที่ละลายอยู่ในน้ำ ซึ่งสำคัญสำหรับการหายใจของสิ่งมีชีวิตทางน้ำ

BOD (Biochemical Oxygen Demand): เป็นการวัดความต้องการออกซิเจนของสารมีชีวิตในน้ำเพื่อการสลายสารอินทรีย์ BOD สูง แสดงให้เห็นว่าน้ำมีสารมลพิษหรือมลภาวะ

42
Q

ข้อใดคือการใช้เทคนิคพันธุวิศวกรรม

A. การโคลนนิ่งวัวพันธุ์ดี
B. การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อกล้วยไม้
C. การผลิตดอกกุหลาบสีน้ําเงิน
D. การทําเด็กหลอดแก้ว

A

C. การผลิตดอกกุหลาบสีน้ําเงิน

การใช้เทคนิคพันธุวิศวกรรม (genetic engineering) หมายถึงการแก้ไขหรือแทรกแซงข้อมูลทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตเพื่อให้ได้คุณสมบัติที่ต้องการ จากตัวเลือกที่ให้มา มีข้อที่ใช้เทคนิคพันธุวิศวกรรมคือ

“การผลิตดอกกุหลาบสีน้ําเงิน”

การผลิตดอกกุหลาบสีน้ำเงินนี้สามารถทำได้โดยการแทรกแซงยีนที่ทำให้สามารถผลิตสีน้ำเงินได้

43
Q

นายขยันทดสอบผลกระทบของการให้ปุ๋ยไนโตรเจนที่มีต่อถั่วเหลืองพันธุ์หนึ่ง เขาเตรียมแปลงปลูกขนาดเท่ากัน แปลงที่ 1 และ 2 ให้ปุ๋ย 0 และ 40 กิโลกรัม/ไร่ ตามลําดับ ทั้งนี้ควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ให้ต้นถั่วทั้ง 2 แปลงได้รับเท่ากัน จากนั้นวัดพื้นที่ใบของต้นถั่วทุกสัปดาห์หลังงอก และคํานวณค่าดัชนีพื้นที่ใบตามสูตรในวงเล็บ (ดัชนีพื้นที่ ใบ = พื้นที่ใบ/พื้นที่ปลูก) สร้างกราฟดังภาพ

จากข้อมูลที่ให้ข้อใดถูก

I. การให้ปุ๋ยและชนิดของดินคือตัวแปรต้น
II. ดัชนีพื้นที่ใบคือตัวแปรตาม
III. ขนาดพื้นที่ปลูกคือตัวแปรควบคุม
IV. ดัชนีพื้นที่ใบแปรผกผันกับการให้ปุ๋ยตลอดการทดลอง

A. I, II และ III
B. I, III และ IV
C. II และ III
D. I และ IV

A

C. II และ III
II. ดัชนีพื้นที่ใบคือตัวแปรตาม
III. ขนาดพื้นที่ปลูกคือตัวแปรควบคุม

I และ IV ผิดเพราะ
I. การให้ปุ๋ยและชนิดของดินคือตัวแปรควบคุม
IV. ดัชนีพื้นที่ใบแปรผันตรงกับการให้ปุ๋ยตลอดการทดลอง

44
Q

นางสาวใจทิพย์ทำไร่แตงกวา ต่อมาเพลี้ยอ่อนระบาดในไร่ มีสารเคมีกำจัดแมลงชนิดเดียวกัน 2 ยี่ห้อ คือ ยี่ห้อ A อยู่ในรูปผง และ B อยู่ในรูปสเปรย์ เธอจึงโรยยี่ห้อ A ลงบนต้นแตงกวาจำนวน 10 ต้น แต่ละต้นมีเพลี้ยอ่อน จำนวน 20 ตัว และฉีดพ่นยี่ห้อ B ลงบนต้นแตงกวาอีกกลุ่มหนึ่งที่มีจำนวน 10 ต้น แต่ละต้นมีเพลี้ยอ่อนจำนวน 20 ตัว ระยะเวลาทดสอบ 3 วันติดต่อกัน ข้อใดที่เธอควรทำเพื่อพิสูจน์และเปรียบเทียบประสิทธิภาพของสารเคมี 2 ยี่ห้อนี้

I. คํานวณความเข้มข้นของสารเคมีทั้งสอง
II. นับจํานวนเพลี้ยอ่อนที่รอดชีวิต
III. นับแผลที่เพลี้ยอ่อนเจาะใบแตงกวา
IV. เก็บผลแตงกวาและชั่งน้ําหนักผล

A. I และ II
B. I และ IV
C. I, II และ IV
D. I, I, III และ IV

A

A. I และ II

ความเข้มข้นของสารเคมี (I) นับจำนวนเพลี้ยอ่อนที่รอดชีวิต (II) เป็นวิธีที่ควรใช้เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของสารเคมี 2 ยี่ห้อในการกำจัดเพลี้ยอ่อน

เราไม่ควรนับแผลที่เพลี้ยอ่อนเจาะใบแตงกวา (III) หรือเก็บผลแตงกวาและชั่งน้ำหนักผล (IV) เพราะเราจะไม่สามารถระบุได้อย่างแน่นอนว่าแผลที่เจาะใบแตงกวาเกิดจากการทำลายของเพลี้ยอ่อนหรือไม่ และน้ำหนักของผลแตงกวาขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ด้วยไม่ใช่เพียงแค่การทำลายของเพลี้ยอ่อนเท่านั้น

45
Q

เป็ดสปีชีส์หนึ่ง มียีน 1 ตําแหน่งที่ควบคุมสีขน มี 3 แอลลีล สําหรับ 3 ฟีโนไทป์ ดังนี้

แอลลีล Ma ฟิโนไทป์เป็น น้ำตาล
แอลลีล Mb ฟิโนไทป์เป็น เทา
แอลลีล Mc ฟิโนไทป์เป็น ดำ

โดยที่ Ma ข่ม Mb และ Mc อย่างสมบูรณ์
และ Mb ข่ม Mc อย่างสมบูรณ์

การผสมพันธุ์ระหว่างข้อใดที่จะได้ลูกเป็ดอัตราส่วนฟีโนไทป์เท่ากับ 2 น้ำตาล : 1 เทา : 1 ดำ

A. Ma Mb x Mc Mc
B. Ma Mc x Ma Mb
C. Ma Mc x Ma Mc
D. Ma Mc x Mb Mc

A

D. Ma Mc x Mb Mc

หาก Ma ข่ม Mb และ Mc ข่ม Mb และ Mb ข่ม Mc อย่างสมบูรณ์
การผสมพันธุ์ระหว่าง Ma Mc x Mb Mc จะได้ลูกเป็ดดังนี้:

MaMb (น้ำตาล)
MaMc (น้ำตาล)
MbMb (เทา)
MbMc (ดำ)

46
Q

แอลลีลด้อยบนโครโมโซม X กำหนดโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ถ้าประชากรหนึ่งอยู่ในสมดุลตามกฏ Hardy Weinberg มีเพศชายทั้งหมด 10,000 คน และพบผู้ป่วยโรคนี้เพศชาย 4 คน จงคำนวณว่าในประชากรเดียวกัน มี ค่าความน่าจะเป็นของผู้หญิงที่เป็นพาหะ (carrier) ของโรคนี้เท่าใด

A. 0.039
B. 0.0008
C. 0.00000016
D. 0.32

A

A. 0.039

ความน่าจะเป็นของแอลลีลด้อย (q) สามารถคำนวณได้จากการที่ผู้ชายเป็นผู้ป่วย (ตามกฏของ Hardy-Weinberg, ความถี่ของผู้ชายที่เป็นผู้ป่วยเท่ากับความน่าจะเป็นของแอลลีลด้อย):

q = √(ผู้ชายที่เป็นผู้ป่วย/ผู้ชายทั้งหมด)
= √(4/10,000)
= √(0.0004)
= 0.02

ดังนั้น p มีค่าเท่ากับ

p = 1 - q
= 1 - 0.02
= 0.98

ความน่าจะเป็นของผู้หญิงที่เป็นพาหะ (carrier) ของโรคนี้คือ 2pq
2pq = 2 * 0.98 * 0.02
= 0.0392

47
Q

Chloramphenicol สามารถเกาะ ribosome ของแบคทีเรีย มีผลยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีน ถ้าให้ Chloramphenicol แก่เซลล์ตามภาพด้านล่าง ส่วนใดหรือออร์แกเนลล์ใดที่จะมีปริมาณโปรตีนลดลง

A. A, D
B. B, G
C. F, H
D. C, E

A

D. C, E

เพราะ Mitochondria และ Chloroplast มี Ribosome แบบ 70s เหมือนกับ Bacteria

48
Q

“ราวต้นศตวรรษที่ 19 มนุษย์กลุ่มหนึ่งอพยพจากแผ่นดินใหญ่ ไปอาศัยและประกอบอาชีพเกษตรกรรม บนเกาะกลางทะเลแห่งหนึ่ง พวกเขานำแมวบ้านจำนวนหนึ่งไปด้วย ต่อมายีนความยาวหางของแมวบ้าน เกิดการกลายพันธุ์ (mutation) ได้เป็นแอลลีลที่กำหนดลักษณะหางกุด ซึ่งข่ม แอลลีลดั้งเดิมที่กำหนดลักษณะหางยาวได้อย่างสมบูรณ์ แมวหางกุดจับหนูเก่งกว่าแมวหางยาว เป็นที่ชื่นชอบของเกษตรกร จึงนิยมเพาะพันธุ์และเลี้ยงแมวหางกุด ในที่สุดบนเกาะแห่งนี้ เมื่อพิจารณาประชากรแมวบ้าน อัตราส่วนของแมวหางกุดมีค่าสูงกว่าแมวหางยาว”

จากข้อมูลนี้สอดคล้องกับข้อใดมากที่สุด

A. Genetic recombination
B. Genetic drift
C. Gene flow
D. Gene pool

A

D. Gene pool

Gene pool คือภาพรวมของทุกแอลลีลในประชากรที่สามารถสืบต่อให้มีลูกๆ ซึ่งควบคุมลักษณะต่างๆของสมาชิกในประชากร ในข้อนี้ แมวหางกุดได้รับการชื่นชอบและนิยมจากเกษตรกร เพื่อเพาะพันธุ์และเลี้ยงต่อ ทำให้อัตราส่วนประชากรของแมวหางกุดเพิ่มขึ้นมากกว่าแมวบ้าน ซึ่งนั่นหมายความว่าการเปลี่ยนแปลงใน Gene pool หรือการแปรปรวนของสมาชิกในประชากรได้เกิดขึ้น

49
Q

ทารกแรกคลอดคนหนึ่งมีคาริโอไทป์ดังภาพ ข้อใดถูกต้อง

A. จากคาริโอไทป์ ทารกมีความผิดปกติที่เรียกว่า aneuploidy
B. ความผิดปกติมาจากแม่หรือพ่อ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง สาเหตุคือ non disjunction ของโครโมโซม X
C. ความผิดปกติเกิดจากเซลล์ไข่ของแม่มีโครโมโซม 23 แท่ง ผสมเข้ากับเซลล์อสุจิของพ่อที่มีโครโมโซม 46 แท่ง
D. เป็นความผิดปกติในระดับยีน

A

B. ความผิดปกติมาจากแม่หรือพ่อ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง สาเหตุคือ non disjunction ของโครโมโซม X

50
Q

ภาพที่ให้คือตัวเต็มวัยของแมววิเชียรมาศ ซึ่งยีนตำแหน่งหนึ่งมีแอลลีลกลายพันธุ์ที่จะผลิตรงควัตถุสีเข้มให้แก่ขนแมวในสภาวะที่อุณหภูมิต่ำ แต่จะไม่ผลิตรงควัตถุสีเข้มในสภาวะที่อุณหภูมิสูง จากข้อมูลจงวิเคราะห์ว่าข้อใดถูก

A. เป็นพันธุกรรมเชิงปริมาณ
B. ยีนและสิ่งแวดล้อม ส่งผลต่อฟีโนไทป์
C. บริเวณที่มีสีขนเข้ม เพราะเลือดไปหล่อเลี้ยงน้อยเซลล์มีกิจกรรมน้อยทำให้อุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณอื่นของร่างกาย
D. มีจีโนไทป์เป็นแบบไล่ระดับ ไม่สามารถแยกกลุ่มแบบชัดเจนได้

A

B. ยีนและสิ่งแวดล้อม ส่งผลต่อฟีโนไทป์

การกลายพันธุ์ที่มีผลต่อสีขนของแมววิเชียรมาศเป็นการแสดงผลของการตอบสนองต่อสภาวะแวดล้อม (อุณหภูมิ) ยีนกลายพันธุ์ที่ส่งผลต่อสีขนมีแอลลีลที่สามารถผลิตรงควัตถุสีเข้มที่อุณหภูมิต่ำ แต่ไม่ทำงานเมื่ออุณหภูมิสูง ยีนจึงส่งผลต่อฟีโนไทป์ และยังมีอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมอย่างอุณหภูมิที่มีบทบาทในการควบคุมการทำงานของแอลลีลนี้