ข้อเขียน2 Flashcards
อธิบายวิธีการตรวจสอบยอดยกมาในการสอบบัญชีครั้งแรกที่ผู้สอบบัญชีควรดำเนินการ และเหตุใดจึงมีความสำคัญในการสอบบัญชีครั้งแรก
ผู้สอบบัญชีในการสอบบัญชีครั้งแรกต้องตรวจสอบยอดยกมาจากงวดก่อนว่ามีความถูกต้องและสอดคล้องกับงบการเงินในปีที่ผ่านมา โดยการตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น งบการเงินและรายงานตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีคนก่อน เพื่อตรวจสอบว่ายอดยกมาไม่มีข้อผิดพลาดหรือการแก้ไขที่ไม่ได้รับการเปิดเผย การตรวจสอบยอดยกมามีความสำคัญเพราะหากยอดยกมาไม่ถูกต้อง อาจทำให้งบการเงินในงวดปัจจุบันมีความผิดพลาดเช่นกัน
ผู้สอบบัญชีควรดำเนินการอย่างไรในการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้องกัน และสิ่งที่ควรระวังในการตรวจสอบคืออะไร?
ในการตรวจสอบบุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้องกัน ผู้สอบบัญชีควรตรวจสอบสัญญา ข้อตกลง หรือรายการระหว่างบุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้องกัน เช่น การซื้อขายสินค้าหรือการให้กู้ยืม เพื่อให้มั่นใจว่ารายการเหล่านี้ได้รับการบันทึกและเปิดเผยตามมาตรฐานบัญชี สิ่งที่ควรระวังคือการบันทึกและแสดงรายการที่เกี่ยวข้องกันอาจมีความเสี่ยงในการบิดเบือนข้อมูลหรือการไม่เปิดเผยข้อมูลอย่างถูกต้อง
ในการตรวจสอบข้อมูลส่วนงานดำเนินงาน ผู้สอบบัญชีควรตรวจสอบและเปิดเผยข้อมูลใดบ้าง และทำไมจึงมีความสำคัญ?
ผู้สอบบัญชีควรตรวจสอบว่าการรายงานข้อมูลส่วนงานดำเนินงาน (Operating Segments) ได้ถูกต้องตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน โดยพิจารณาการแบ่งแยกส่วนงาน การจัดกลุ่ม และการเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับรายได้ ค่าใช้จ่าย และสินทรัพย์ของแต่ละส่วนงาน การตรวจสอบนี้มีความสำคัญเพราะข้อมูลส่วนงานดำเนินงานช่วยให้ผู้ใช้งบการเงินเข้าใจการดำเนินงานในแต่ละส่วนของกิจการ
การตรวจสอบประมาณการทางบัญชี (Accounting Estimates) มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง และทำไมผู้สอบบัญชีต้องให้ความสนใจกับการตรวจสอบนี้?
ผู้สอบบัญชีควรตรวจสอบวิธีการประมาณการและสมมติฐานที่ผู้บริหารใช้ในการคำนวณรายการต่าง ๆ เช่น ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ค่าเสื่อมราคา หรือการประเมินมูลค่าของสินทรัพย์ การตรวจสอบควรพิจารณาความเหมาะสมของวิธีการที่ใช้และการเปรียบเทียบกับข้อมูลในอดีต การตรวจสอบประมาณการมีความสำคัญเพราะอาจมีผลกระทบต่อความถูกต้องของงบการเงินและมีความเสี่ยงสูงในการเกิดข้อผิดพลาด
อธิบายวิธีการตรวจสอบกิจการที่มีปัญหาการดำเนินงานต่อเนื่อง (Going Concern) และผู้สอบบัญชีควรคำนึงถึงปัจจัยใดบ้าง?
ผู้สอบบัญชีควรตรวจสอบกระแสเงินสด สถานะทางการเงิน และความสามารถในการชำระหนี้ของกิจการ รวมถึงวิเคราะห์เหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการดำเนินงานต่อไป เช่น การลดลงของยอดขาย ความยากลำบากในการชำระหนี้ หรือการขาดสภาพคล่อง หากพบความไม่แน่นอนในการดำเนินงานต่อเนื่อง ผู้สอบบัญชีควรให้ความเห็นตามมาตรฐานและแจ้งเตือนผู้ใช้งบการเงิน
การตรวจสอบเหตุการณ์ภายหลังวันที่ในงบการเงิน (Subsequent Events) ควรดำเนินการอย่างไร และทำไมจึงมีความสำคัญในการจัดทำงบการเงิน?
ผู้สอบบัญชีควรตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากวันที่ในงบการเงินและก่อนวันที่ออกงบการเงิน เช่น การเปลี่ยนแปลงมูลค่าของสินทรัพย์หรือหนี้สิน หรือการเกิดคดีความที่สำคัญ เพื่อประเมินว่าควรปรับปรุงข้อมูลในงบการเงินหรือเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม การตรวจสอบนี้มีความสำคัญเพราะเหตุการณ์ภายหลังอาจมีผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้ใช้งบการเงิน
ผู้สอบบัญชีควรตรวจสอบหนี้สินที่อาจเกิดขึ้น (Contingent Liabilities) อย่างไร และทำไมการเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้จึงสำคัญ?
ในการตรวจสอบหนี้สินที่อาจเกิดขึ้น เช่น คดีความหรือการค้ำประกัน ผู้สอบบัญชีควรตรวจสอบเอกสารทางกฎหมายและสัญญาที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบความน่าจะเป็นในการเกิดขึ้นและประมาณการมูลค่าที่อาจเกิดขึ้น การเปิดเผยหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นมีความสำคัญเพราะช่วยให้ผู้ใช้งบการเงินเข้าใจความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินของกิจการ
ในช่วงการเสร็จสิ้นงานตรวจสอบ ผู้สอบบัญชีควรดำเนินการขั้นตอนใดบ้าง และขั้นตอนใดที่สำคัญที่สุด?
ในช่วงการเสร็จสิ้นงานตรวจสอบ ผู้สอบบัญชีควรดำเนินการตรวจสอบว่าได้ปฏิบัติตามแผนการตรวจสอบครบถ้วนแล้ว รวมถึงการทบทวนการเปิดเผยข้อมูลในงบการเงิน การสรุปผลการตรวจสอบ การขอคำรับรองจากผู้บริหาร และการสรุปความเห็นในรายงานของผู้สอบบัญชี ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดคือการสรุปความเห็นในรายงานของผู้สอบบัญชี ซึ่งเป็นผลลัพธ์สุดท้ายของการตรวจสอบและมีผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้ใช้งบการเงิน
การตรวจสอบภาระผูกพัน (Commitments) ผู้สอบบัญชีควรดำเนินการอย่างไร และภาระผูกพันใดที่ควรได้รับการเปิดเผยในงบการเงิน?
ผู้สอบบัญชีควรตรวจสอบสัญญาและข้อตกลงระยะยาว เช่น สัญญาเช่า สัญญาซื้อขายสินค้าระยะยาว และการลงทุนที่ยังไม่เสร็จสิ้น เพื่อให้แน่ใจว่าภาระผูกพันเหล่านี้ได้รับการบันทึกและเปิดเผยในงบการเงินอย่างถูกต้อง ภาระผูกพันที่มีผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของกิจการควรได้รับการเปิดเผยอย่างชัดเจนเพื่อให้ผู้ใช้งบการเงินเข้าใจภาระผูกพันในอนาคตของกิจการ
การขอคำรับรองของผู้บริหาร (Management Representation Letter) มีวัตถุประสงค์อย่างไร และทำไมผู้สอบบัญชีจึงต้องได้รับคำรับรองนี้?
การขอคำรับรองจากผู้บริหารมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้บริหารยืนยันว่าได้ให้ข้อมูลและเปิดเผยรายการทางบัญชีที่สำคัญอย่างครบถ้วนและถูกต้องแก่ผู้สอบบัญชี การได้รับคำรับรองนี้เป็นหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนความถูกต้องของข้อมูลที่ใช้ในการจัดทำงบการเงินและช่วยลดความเสี่ยงที่ข้อมูลบางส่วนอาจไม่ถูกเปิดเผย
บริษัท เมฆขลา จำกัด ได้บันทึกยอดค่าใช้จ่ายล่วงหน้าจำนวน 500,000 บาท ไว้ในเดือนมกราคม แต่ในวันที่สิ้นปี (31 ธันวาคม) มีการใช้จ่ายแล้วเพียง 300,000 บาท จงอธิบายการปรับปรุงรายการบัญชีที่ต้องทำเพื่อแสดงข้อมูลในงบการเงินให้ถูกต้อง พร้อมทั้งแสดงรายการปรับปรุงในรูปแบบ Dr/Cr
การปรับปรุงบัญชีนี้เกี่ยวข้องกับการลดมูลค่าของค่าใช้จ่ายล่วงหน้า (Prepaid Expense) และการบันทึกค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตามหลักการบัญชีคงค้าง (Accrual Basis) โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงในปีบัญชีจะต้องถูกบันทึกในงบกำไรขาดทุน
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง: 300,000 บาท
ค่าใช้จ่ายที่ยังไม่ได้ใช้: 500,000 - 300,000 = 200,000 บาท (ยังเป็นสินทรัพย์)
Dr. ค่าใช้จ่าย (Expense) 300,000 บาท
Cr. ค่าใช้จ่ายล่วงหน้า (Prepaid Expense) 300,000 บาท
กิจการบันทึกค่าเสื่อมราคาเครื่องจักรในปี 2566 ผิดพลาด โดยค่าเสื่อมราคาที่ควรบันทึกคือ 150,000 บาท แต่บันทึกไปเพียง 100,000 บาท จงอธิบายการปรับปรุงบัญชีที่ถูกต้องและแสดงรายการปรับปรุงบัญชีในรูปแบบ Dr/Cr
ในการปรับปรุงบัญชีสำหรับค่าเสื่อมราคาที่บันทึกน้อยไป กิจการต้องบันทึกค่าเสื่อมราคาเพิ่มเติมให้ถูกต้อง ซึ่งค่าเสื่อมราคาที่บันทึกน้อยไปมีจำนวน 50,000 บาท (150,000 - 100,000)
รายการปรับปรุง:
Dr. ค่าเสื่อมราคา (Depreciation Expense) 50,000 บาท
Cr. ค่าเสื่อมราคาสะสม (Accumulated Depreciation) 50,000 บาท
บริษัทมีหนี้สินค้างจ่าย (Accrued Liabilities) ที่ยังไม่ได้บันทึกเป็นจำนวน 80,000 บาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 จงอธิบายการปรับปรุงรายการบัญชีที่เกี่ยวข้องและแสดงรายการปรับปรุงบัญชี
หนี้สินค้างจ่ายคือหนี้สินที่เกิดขึ้นแล้วแต่ยังไม่ได้ชำระหรือบันทึก ดังนั้นจึงต้องทำการบันทึกหนี้สินค้างจ่ายในบัญชีงบการเงินของปี 2566
รายการปรับปรุง:
Dr. ค่าใช้จ่าย (Expense) 80,000 บาท
Cr. หนี้สินค้างจ่าย (Accrued Liabilities) 80,000 บาท
บริษัทได้จ่ายค่าเช่าล่วงหน้าสำหรับสำนักงานเป็นเวลา 12 เดือนในเดือนมิถุนายน 2566 เป็นจำนวน 240,000 บาท แต่บริษัทบันทึกทั้งหมดเป็นค่าใช้จ่ายในเดือนนั้น จงอธิบายการปรับปรุงบัญชีที่ถูกต้อง ณ วันที่สิ้นปี 2566 และแสดงรายการปรับปรุงบัญชีในรูปแบบ Dr/Cr
เฉลย:
ค่าเช่าล่วงหน้าจำนวน 240,000 บาท ควรจะบันทึกเป็นสินทรัพย์ค่าเช่าล่วงหน้า (Prepaid Rent) และบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายรายเดือนที่เกิดขึ้นจริง (ค่าใช้จ่ายต่อเดือนคือ 240,000 ÷ 12 = 20,000 บาท)
ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนธันวาคม ใช้ไปแล้ว 7 เดือน:
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง = 20,000 × 7 = 140,000 บาท
ค่าใช้จ่ายที่บันทึกเกินไป = 240,000 - 140,000 = 100,000 บาท (ต้องปรับเป็นสินทรัพย์)
รายการปรับปรุง:
Dr. ค่าเช่าล่วงหน้า (Prepaid Rent) 100,000 บาท
Cr. ค่าใช้จ่าย (Rent Expense) 100,000 บาท
ในเดือนธันวาคม 2566 บริษัท เมฆขลา จำกัด ได้รับรายได้ล่วงหน้าจากการให้บริการจำนวน 400,000 บาท แต่ยังไม่ได้ให้บริการ จงอธิบายการปรับปรุงบัญชีและแสดงรายการปรับปรุงบัญชี
เฉลย:
รายได้ล่วงหน้า (Unearned Revenue) คือรายได้ที่บริษัทได้รับแต่ยังไม่ได้ให้บริการหรือส่งมอบสินค้า ดังนั้นบริษัทต้องบันทึกรายได้ล่วงหน้าเป็นหนี้สินในงบการเงินจนกว่าจะให้บริการเสร็จสิ้น
รายการปรับปรุง:
Dr. เงินสด (Cash) 400,000 บาท
Cr. รายได้ล่วงหน้า (Unearned Revenue) 400,000 บาท
บริษัทได้พบว่าสินค้าคงเหลือ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 มีมูลค่าน้อยกว่าที่คาดไว้ 50,000 บาท เนื่องจากเกิดความเสียหาย จงอธิบายการปรับปรุงรายการบัญชีที่ควรดำเนินการ
เฉลย:
การปรับปรุงสินค้าคงเหลือที่เสียหายหรือสูญเสียมีผลให้ต้องบันทึกค่าใช้จ่ายเพื่อสะท้อนการลดมูลค่าสินค้าคงเหลือที่เกิดขึ้นจริงในงบการเงิน
รายการปรับปรุง:
Dr. ค่าใช้จ่ายจากการลดมูลค่าสินค้าคงเหลือ (Inventory Write-Down Expense) 50,000 บาท
Cr. สินค้าคงเหลือ (Inventory) 50,000 บาท
บริษัท เมฆขลา จำกัด ได้รับดอกเบี้ยจากการลงทุน 30,000 บาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 แต่ยังไม่ได้บันทึกในบัญชี จงอธิบายการปรับปรุงบัญชีสำหรับดอกเบี้ยค้างรับนี้
เฉลย:
ดอกเบี้ยค้างรับ (Accrued Interest) ควรบันทึกเป็นรายได้ค้างรับในงบการเงินเพื่อสะท้อนรายได้ที่เกิดขึ้นในงวดบัญชี
รายการปรับปรุง:
Dr. ดอกเบี้ยค้างรับ (Accrued Interest Receivable) 30,000 บาท
Cr. รายได้ดอกเบี้ย (Interest Revenue) 30,000 บาท
กิจการพบว่ามีลูกหนี้การค้าไม่สามารถชำระหนี้ได้จำนวน 40,000 บาท และควรตัดหนี้สูญออกจากบัญชี จงอธิบายการปรับปรุงรายการบัญชี
เฉลย:
หนี้สูญ (Bad Debts) ควรบันทึกเพื่อลดมูลค่าของลูกหนี้การค้า และการตัดหนี้สูญต้องบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายหนี้สูญในงบการเงิน
รายการปรับปรุง:
Dr. ค่าใช้จ่ายหนี้สูญ (Bad Debt Expense) 40,000 บาท
Cr. ลูกหนี้การค้า (Accounts Receivable) 40,000 บาท
กิจการบันทึกค่าเสื่อมราคาสำหรับอาคารจำนวน 150,000 บาทในปี 2566 แต่ค่าเสื่อมราคาที่ถูกต้องควรเป็น 180,000 บาท จงแสดงการปรับปรุงบัญชีให้ถูกต้อง
เฉลย:
ผู้สอบบัญชีต้องปรับปรุงค่าเสื่อมราคาที่บันทึกน้อยไป 30,000 บาท
รายการปรับปรุง:
Dr. ค่าเสื่อมราคา (Depreciation Expense) 30,000 บาท
Cr. ค่าเสื่อมราคาสะสม (Accumulated Depreciation) 30,000 บาท
บริษัทบันทึกรายได้ค้างรับในปี 2566 จำนวน 50,000 บาท แต่พบว่าเป็นรายได้ที่ยังไม่เกิดขึ้น จงแสดงรายการปรับปรุง
เฉลย:
ต้องปรับปรุงรายได้ที่บันทึกผิดโดยยกเลิกรายได้ค้างรับที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง
รายการปรับปรุง:
Dr. รายได้ (Revenue) 50,000 บาท
Cr. รายได้ค้างรับ (Accrued Revenue) 50,000 บาท