SUM M.5 T.1 Flashcards

1
Q

แผนที่โลกแผนที่แรก (เท่าที่พบและยอมรับในปัจจุบันเป็นวงกว้าง) ที่วาดขึ้นโดยมีคำอธิบายเป็นตัวอักษรประกอบคือแผนที่โลกของชาว, อักษร อะไร

A

บาบิโลน, คูนิฟอร์ม

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
2
Q

แผนที่โลกของชาวกรีกเป็นแผนที่โลกฉบับแรกๆที่วาดโดยมีการเก็บข้อมูลอย่างไร

A

เป็นวิทยาศาสตร์

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
3
Q

อีราโตสเตนีส ได้ชื่อว่าเป็น / เพราะเหตุใด

A

The First Geographer หรือบิดาแห่งวิชาภูมิศาสตร์ / เพราะเขาเป็นคนประดิษฐ์คำว่า Geography

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
4
Q

อีราโตสเตนีสเป็นชาวกรีก แผนที่ของเขามีเอกลักษณ์คือ วาดขึ้นจากข้อมูลที่สืบเสาะและบันทึกไว้ วาดทวีปได้ทั้งหมด 3 ทวีป คือ

A

ยุโรป แอฟริกา และเอเชีย

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
5
Q

แผนที่ของอีราโตสเตนีสมีการใช้อะไร

A

เส้นสมมติ เรียกว่าเส้นขนานและเส้นเมริเดียน

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
6
Q

อีราโตสเตนีสมีผลงานที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ

A

การคิดคำนวณหาเส้นรอบวงของทรงกลมโลกได้สำเร็จเป็นคน
แรก (แม้จะคลาดเคลื่อนอยู่)

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
7
Q

แผนที่ของปโตเลมี นักปรัชญาและนักเรขาคณิตชาวกรีกที่มีชื่อเสียงอีกคนหนึ่ง วาดโลกในรูปแบบที่ละเอียดขึ้นมาจากของอีราโตสเตนีส และได้ใช้

A

“เส้นโครงแผนที่ทรงกรวย” ในการสร้างแผนที่ แสดงให้เห็นว่าชาวกรีกมีความเข้าใจว่าโลกเป็นวัตถุสามมิติ ทรงกลมมาตั้งแต่โบราณ

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
8
Q

การวาดแผนที่ในสยามไม่ได้เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในยุคสุโขทัย อยุธยา ใช้การบันทึกเป็นข้อความในจารึกถึงรูปร่างหน้าตาของดินแดนต่างๆมากกว่าการวาดแผนที่ ภาพวาดแผนที่ หรือแผนผังเมืองอยุธยาหรือราชธานีโบราณ โดยมากเป็น
ผลงานของชาวตะวันตก

การจัดทำแผนที่ฉบับทางการของไทย เริ่มในสมัยรัชกาลใด / โดยทรงว่าจ้างใครมาเป็นผู้วาดแผนที่ / แล้วเรียกว่าอะไร / เพราะเหตุใดต้องสร้าง

A

เริ่มในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยทรงว่าจ้าง “นายเจมส์ แมคคาร์ที” มาเป็นผู้วาดแผนที่
เรียกว่าแผนที่ประเทศไทยหรือแผนที่สยามฉบับแมคคาร์ที

เพราะเหตุผลด้านการเมือง = การปักปันอาณาเขตของสยามกับประเทศเพื่อนบ้านที่ตกเป็นอาณานิคมของฝรั่ง

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
9
Q

ปัจจุบันการทำแผนที่ฉบับทางการของประเทศไทย เป็นหน้าที่ของหน่วยงานใด / เพราะเหตุใด

A

“กรมแผนที่ทหาร” หรือ Royal Thai Survey
Department : RTSD สังกัดกระทรวงกลาโหม

เพราะประเทศไทยยังคงมองว่า การปักปันอาณาเขตและจัดทำแผนที่เป็น
เรื่องเดียวกัน และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
10
Q

แผนที่แบ่งตามรายละเอียดที่ปรากฏในแผนที่

A

แบบแบนราบ : เห็นข้อมูลต่างๆแต่ไม่เห็นลักษณะภูมิประเทศ
แบบภูมิประเทศ : เห็นภูมิประเทศต่างๆ
แบบภาพถ่าย : นำภาพจริงจากดาวเทียมหรือภาพถ่ายทางอากาศมาใส่ข้อมูลให้เป็นแผนที่

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
11
Q

แผนที่แบ่งตามมาตราส่วน (ภูมิศาสตร์)
แผนที่แบ่งตามมาตราส่วน (กิจการทหาร)

A

1: 1,000,000 เป็นต้นไป เรียกว่ามาตราส่วนขนาดเล็ก
1: 250,000 – 1,000,000 เรียกว่ามาตราส่วนขนาดกลาง
1: 250,000 ลงมา เรียกว่ามาตราส่วนขนาดใหญ่

1: 600,000 เป็นต้นไป เรียกว่ามาตราส่วนขนาดเล็ก
1: 75,000 – 600,000 เรียกว่ามาตราส่วนขนาดกลาง
1: 75,000 ลงมา เรียกว่ามาตราส่วนขนาดใหญ่

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
12
Q

แผนที่แบ่งตามการนำไปใช้งาน หรือแผนที่เฉพาะเรื่อง

A

สร้างขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ต่างๆ หนึ่งแผนที่ หนึ่งเรื่อง เช่น
* แผนที่รัฐกิจ ใช้บอกอาณาเขต ดินแดน
* แผนที่การใช้ที่ดิน ใช้บอกโซนการใช้ประโยชน์ที่ดินโซนต่างๆในเมือง
* แผนที่ประวัติศาสตร์ ใช้อธิบายที่ตั้งของดินแดนต่างๆในอดีตของพื้นที่หนึ่งๆ

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
13
Q

แผนที่มีองค์ประกอบหลัก 2 ส่วน

A

ส่วนในขอบระวาง กับส่วนนอกขอบระวาง

ส่วนในขอบระวาง ก็คือตัวแผนที่ ที่มีชื่อสถานที่ต่างๆ สัญลักษณ์ สี เส้น ฯลฯ
ส่วนนอกขอบระวาง ก็คือข้อมูลประกอบแผนที่ ที่เขียนอยู่ในรอบของตัวแผนที่

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
14
Q

องค์ประกอบด้านบนสุด นอกขอบระวางของแผนที่ เรียกว่า “ระบบการระบุระวางแผนที่” ประกอบไปด้วย

A

ชื่อชุดและมาตราส่วน : ประเทศไทย THAILAND 1:50,000
ชื่อระวาง (ชื่อของแผนที่ฉบับนี้) : เช่น บ้านภูมิซรอล BAN PHUM SARON
หมายเลขประจำระวาง : เช่น ระวาง 5931IV
หมายเลขประจำชุด : เช่น ลำดับชุด L7018

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
15
Q

เลขประจำชุด L7018 คือโค้ดประจำแผนที่ของประเทศไทยที่จัดทำโดยกรมแผนที่ทหารในปัจจุบัน มีความหมาย คือ

A

L หมายถึง แผนที่นี้ เป็นแผนที่ครอบคลุมประเทศในทวีปเอเชีย คือ ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย จีน
ไต้หวัน เกาหลี และญี่ปุ่น
7 หมายถึง แผนที่นี้ใช้มาตราจัดทำ อยู่ระหว่าง 1:70,000 – 1:35,000
0 หมายถึง แผนที่นี้ เป็นแผนที่ครอบคลุมประเทศย่อย คือ ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย และจีน
18 หมายถึง ลำดั

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
16
Q

การจัดพิมพ์ เขียนว่า 4-RTSD ก็คือ

A

พิมพ์ครั้งที่ 4 โดยหน่วยงานจัดพิมพ์คือ Royal Thai Survey Dep.

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
17
Q

มาตราส่วนแผนที่ ในแผนที่ส่วนใหญ่ นิยมใช้แบบ

A

แบบบาร์ หรือแบบแท่ง เพราะง่ายต่อการใช้งาน และเมื่อย่อหรือขยายแผนที่
มาตราส่วนแบบบาร์จะยังคงใช้ได้เสมอ ต่างจากมาตราส่วนตัวเลขหรือคำพูด หากย่อหรือขยายแผนที่จะใช้ไม่ได้อีกต่อไป

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
18
Q

สัญลักษณ์สีมีอะไรบ้าง

A
  • สีเขียว คือ ป่าไม้ ที่ราบ ที่ต่ำ
  • สีน้ำเงิน คือ พื้นน้ำ ทะเล มหาสมุทร เส้นทางน้ำต่างๆ
  • สีเหลือง คือ ที่สูง ที่ราบสูง
  • สีส้ม สีน้ำตาล คือ ที่สูงยิ่งขึ้นไป ภูเขา เทือกเขา
  • สีแดง คือ แทนสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น อาทิ เส้นทางคมนาคม พื้นที่หวงห้าม
  • สีดำ คือ แทนสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น หมู่บ้าน เมือง
  • สีม่วง คือ พื้นที่สูงอย่างยิ่ง อาทิ ยอดเขา หรือต่ำอย่างยิ่ง
  • สีขาว คือ พื้นที่ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ขั้วโลก น้ำตื้น พื้นที่ไม่เกี่ยวข้อง
How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
19
Q

หลักการเขียนชื่อภูมิศาสตร์ หรือชื่อสถานที่ต่างๆลงไปในแผนที่

A

ทวีป ประเทศ รัฐ เกาะใหญ่ คาบสมุทรใหญ่ = ตัวใหญ่ ตรง
เมือง = ตัวใหญ่แค่ตัวแรก ตรง
มหาสมุทร อ่าวใหญ่ ทะเลใหญ่ ทะเลสาบใหญ่ ภูเขา ทะเลทรายใหญ่ ที่ราบสูง = ตัวใหญ่ เอียง
แม่น้ำ ลำธาร อ่าวเล็ก เกาะเล็ก ช่องแคบ ทะเลทรายเล็ก ที่ลุ่ม โอเอซิส = ตัวใหญ่แค่ตัวแรก เอียง
เขื่อน ถนน ท่อน้ำ ท่อก๊าซ แหล่งอารยธรรมโบราณ สิ่งก่อสร้าง = ตัวใหญ่แค่ตัวแรก เอียง

เช่น ASIA THAILAND London Paris PACIFIC SAHARA Danube Yangtze

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
20
Q

เส้นขนาน สำคัญใช้เป็นเส้นแบ่งเขตอากาศคือ

A
  • เส้นศูนย์สูตรหรือเส้นอิเควเตอร์ มีค่ามุม 0 องศา
  • เส้นทรอปิกออฟแคนเซอร์ มีค่ามุม 23 องศา 30 ลิปดาเหนือ
  • เส้นทรอปิกออฟแคปริคอร์น มีค่ามุม 23 องศา 30 ลิปดาใต้
  • เส้นอาร์กติกเซอร์เคิล มีค่ามุม 66 องศา 30 ลิปดาเหนือ
  • เส้นแอนตาร์กติกเซอร์เคิล มีค่ามุม 66 องศา 30 ลิปดาใต้
How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
21
Q

เทอร์โมมิเตอร์
บารอมิเตอร์
ไซโครมิเตอร์
ไฮโกรมิเตอร์
แอนิมอมิเตอร์
ศรลม วินเวน
เรนเกจ์
เข็มทิศ
เทเลสโคป
สเตอริโอสโคป
แพลนิมิเตอร์

A

= อุณหภูมิ
= ความกดอากาศ
= ความชื้น
= ความชื้น
= ความเร็วลม
= ทิศทางลม
= ระดับน้ำฝน
= ทิศ
= วัดระดับ แนวระนาบ
= ส่องดูภาพถ่ายทางอากาศ
= วัดระยะทางในแผนที่

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
22
Q

โลกเกิดเทหวัตถุที่หลงเหลือจากการเกิดขึ้นของดวงอาทิตย์ การเย็นตัวของเปลือกโลกทำให้เกิดปรากฏการณ์สืบเนื่องกัน คือ

A

เกิดเปลือกโลกที่เย็นตัวแล้ว เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต

เปลือกโลกที่เย็นตัวคายความร้อนออกมาเป็นไอน้ำและก๊าซ ทำให้เกิดชั้นบรรยากาศ

ชั้นบรรยากาศที่เกิดขึ้นมาเป็นแหล่งกักเก็บความชื้น ทำให้เกิดวัฏจักรของน้ำ เกิดน้ำบนพื้นผิวของโลก

น้ำเป็นแหล่งต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิต และเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
23
Q

เปลือกโลก หรืออะไร / ความหนาประมาณเท่าใด

A

เปลือกโลก : ลิโธสเฟียร์ หนาไม่เท่ากันในแต่ละพื้นที่ บนบกหนากว่าใต้ท้องทะเล ความหนาประมาณ 16-40 กม. (หรือบวกลบกว่านี้)

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
24
Q

ภาคพื้นทวีป มีหิน / หนา / ความหนาแน่น

A

ภาคพื้นทวีป มีหิน SIAL เป็นองค์ประกอบ SIAL = Silica + Alumina หนามาก หนาแน่นน้อย

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
25
Q

ภาคพื้นสมุทร มีหิน / หนา / ความหนาแน่น

A

ภาคพื้นสมุทร มีหิน SIMA เป็นองค์ประกอบ SIMA = Silica + Magnesium หนาน้อย หนาแน่นมาก

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
26
Q

เนื้อโลก หรือ / ความหนา / หินหลายชนิดปะปนกัน มีสถานะเป็น

A

เมโซสเฟียร์ มีความหนาประมาณ 2,900 กิโลเมตร เป็นหินหลายชนิดปะปนกัน มีสถานะเป็นของเหลวข้นหนืดที่มีความร้อนสูง

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
27
Q

แก่นโลก หรือ / ความหนาแน่น / องค์ประกอบหลักเป็นธาตุ

A

แก่นโลก : แบริสเฟียร์ มีความหนานแน่นมากที่สุด องค์ประกอบหลักเป็นธาตุโลหะหนักเช่น เหล็ก และนิเกิล

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
28
Q

แก่นโลกชั้นนอก หนาประมาณ / สถานะ

A

แก่นโลกชั้นนอก หนาประมาณ 2,000 กม. มีสถานะเป็นของเหลวข้นหนืด

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
29
Q

แก่นโลกชั้นใน หนาประมาณ / สถานะ / ความดัน

A

แก่นโลกชั้นใน หนาประมาณ 1,370 กม. มีสถานะเป็นของแข็ง มีความดันสูง

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
30
Q

เส้นผ่านศูนย์กลางในแนวตั้ง / ในแนวนอน

A

12,714 กม. / 12,757 กม.

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
31
Q

จุดสูงสุดของโลกคือ / ประเทศ

A

ยอดเขาเอเวอร์เรสต์ เทือกเขาหิมาลัย สูง 8,848 เมตร อยู่ในประเทศเนปาล

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
32
Q

จุดต่ำสุดของโลกคือที่ / มหาสมุทร / พบที่

A

จุดต่ำสุดของโลกคือที่ชาเลนเจอร์ดีบ ร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนา ฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิค ใกล้ประเทศฟิลิปปินส์

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
33
Q

ทวีปมี 7 ทวีปได้แก่
มหาสมุทร 5 มหาสมุทร ได้แก่

A

ทวีปมี 7 ทวีปได้แก่ เอเชีย แอฟริกา อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แอนตาร์คติก ยุโรป และออสเตรเลีย
มหาสมุทร 5 มหาสมุทร ได้แก่ แปซิฟิค แอตแลนติก อินเดีย อาร์คติก และใต้

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
34
Q

หินอัคนี เกิดจากแมกมาหรือลาวาที่เย็นตัวลงได้ แบ่งออกเป็นสองประเภท ได้แก่

ยกตัวอย่าง

A
  • อัคนีพุ : ขึ้นมาเย็นบนเปลือกโลก เย็นเร็ว มองไม่เห็นผลึก เนื้อเนียนเรียบ
  • ได้แก่ หินแอนดีไซท์ บะซอลท์ ออบซีเดียน พัมมิซ เป็นต้น
  • หากพุขึ้นไปเย็นในอากาศ เป็นละอองฝอยลาวาที่เย็นอย่างรวดเร็ว เรียกไพโรคลาสติกส์
  • อัคนีแทรกซอน : เย็นใต้เปลือกโลก เย็นช้าๆ เกิดผลึกในเนื้อหิน เนื้อมีผลึกแทรก ไม่เป็นเนื้อเดียว
  • ได้แก่ แกรนิต แกบโบร ไรโอไลต์ เป็นต้น
How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
35
Q

หินตะกอนหรือหินชั้น เกิดจากกระบวนการ / มีกี่ประเภท / เช่น

A

หินตะกอนหรือหินชั้น เกิดจากกระบวนการ Burial and Compression หรือการสะสมตัว กดอัด ทับถม มี
ตัวเชื่อมประสาน ผ่านไปนานเป็นล้านปี เศษซากอนินทรียวัตถุ อินทรียวัตถุที่สะสมตัวกัน ก่อเกิดเป็นหินชนิดใหม่
* เกิดจากกระบวนการทางเคมี เช่น หินปูน เกลือหิน ยิบซั่ม โดโลไมต์
* เกิดจากกระบวนการทางกลศาสตร์ เช่น หินดินดาน หินกรวดมน หินกรวดเหลี่ยม หินทราย
* เกิดอินทรียวัตถุ เช่น หินเปลือกหอย หินปะการัง ถ่านหิน

How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
36
Q

หินแปร เกิดจาก / เช่น

A

หินแปร เกิดจากกระบสนการ Metamorphism หรือการเปลี่ยนสภาพหินอันเกิดจากพลังงานความร้อนและ
แรงดันจากใต้เปลือกโลก ค่อยๆเปลี่ยนสภาพทางเคมีและกายภาพของหินให้ผิดไปจากเดิม แต่ไม่ถึงกับทำละลาย
หิน เกิดเป็นหินชนิดใหม่เช่น

  • หินชนวน (จากหินดินดาน) หินอ่อน (จากหินปูน) หินไนส์ (จากหินแกรนิต)
  • หินฟิลไลท์ (จากหินชนวน) หินไมคา-ชิสท์ (จากหินฟิลไลท์)
How well did you know this?
1
Not at all
2
3
4
5
Perfectly
37
Q

แผ่นเปลือกโลกเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เรียกว่า / ปัจจัย

A

กระบวนการแปรสัณฐาณ หรือกระบวนการเทคโทนิค ปัจจัยที่ทำให้เปลือก
โลกเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาได้แก่ ความร้อนและแรงดันจากแก่นโลกที่ส่งผ่านมายังเนื้อโลกและเปลือกโลก

38
Q

คนเสนอทฤษฎีเกี่ยวกับการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกคนแรกที่มีความน่าเชื่อถือและมีหลักฐานรองรับ ได้แก่ / เสนอว่า

A

อัลเฟรด เวเกเนอร์ เขาเสนอว่าทวีปเลื่อนได้ จากมหาทวีปแพนเจีย แตกออกเป็นทวีปใหญ่สองแผ่น คือ ลอเรเซีย (อเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย) และกอนด์วานา (อเมริกาใต้ แอฟริกา ออสเตรเลีย แอนตาร์ติก และอินเดีย) ก่อนที่จะขยับออกกลายเป็นทวีปและมหาสมุทรต่างๆในที่สุด

39
Q

สมมติฐานของเวเกเนอร์ตั้งอยู่บนหลักฐานสำคัญ 4 ข้อได้แก่

A

รอยต่อของแผ่นทวีปต่างๆ
ซากฟอสซิลสัตว์และพืชชนิดเดียวกันที่พบข้ามทวีป
รอยต่อของแผ่นหินและเทือกเขาที่อยู่ต่างทวีปกัน
ร่องรอยภูมิอากาศยุคโบราณที่บ่งชี้ว่าบางทวีปอาจมีภูมิอากาศต่างจากที่เป็นในปัจจุบัน

40
Q

แผ่นธรณีภาคแบ่งออกเป็น / ได้แก่

A

แผ่นทวีป ได้แก่ แผ่นยูเรเซีย แผ่นอินเดีย แผ่นอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แอฟริกา เป็นต้น

แผ่นมหาสมุทร ได้แก่ แผ่นแปซิฟิก แผ่นแอนตาร์กติก แผ่นแคริบเบียน แผ่นนาซกา เป็นต้น

41
Q

การขยับตัวของแผ่นธรณีภาค อาจทำให้เกิดปรากฏการณ์ต่างๆ คือ

A

การเกิดภูมิประเทศอย่างใหญ่ เช่น เทือกเขา ที่ราบสูง
การเกิดภูเขาไฟ
การเกิดแผ่นดินไหว

42
Q

การเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีภาค เกิดได้ 3 รูปแบบ คือ

A

Convergent Plate Motion แผ่นธรณีภาคเคลื่อนที่เข้าหากัน
Divergent Plate Motion แผ่นธรณีภาคเคลื่อนที่แยกออกจากกัน
Transform Plate Motion แผ่นธรณีภาคเคลื่อนที่เลื่อนเฉือนกัน

43
Q

สมุทร ชน ทวีป =
สมุทร ชน สมุทร =
ทวีป ชน ทวีป =

A

ได้ร่องลึก ภูเขาไฟ เทือกเขาริมฝั่ง
ได้ร่องลึก ภูเขาไฟใต้ทะเล เกาะภูเขาไฟ
ได้เทือกเขาสูง

44
Q

Fault หรือรอยเลื่อน เป็นการเคลื่อนไหวของ

A

แผ่นเปลือกโลกบริเวณรอยแตกหรือรอยแยกที่แมกมาเคลื่อนที่แทรกเข้ามามี
อิทธิพล ทำให้เกิดการสั่นสะเทือน หรือการเปลี่ยนแปลงบริเวณพื้นที่ที่เป็นรอยเลื่อนนั้นๆ

45
Q

รอยเลื่อนปกติ =
รอยเลื่อนย้อน =
รอยเลื่อนเฉือน =

A

เกิดที่ราบสูง ภูเขารูปบล็อก ภูเขายอดตัด หุบเขา แอ่ง ฮอสต์ กราเบน
เกิดที่ราบสูงขอบหน้าผา
เกิดรอยไม่ต่อเนื่องในแนวหิน

46
Q

ภูเขาที่มียอดแบนราบ หรือภูเขารูปบล็อก หรือภูเขายอดตัด หรือฮอสต์ เกิดจากรอยเลื่อนปกติที่ยกตัวขึ้น เช่

A

ภูเขาแบล็คฟอร์เรส (เยอรมนี) ภูกระดึง ภูหลวง ภูเรือ จังหวัดเลย เป็นต้น

47
Q

ที่ราบ = / ต่างระดับไม่มากไม่เกิน / และโดยรวมอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน / แบ่งเป็น

A

ที่ราบ = ราบเรียบ ต่างระดับไม่มากไม่เกิน 150 เมตร และโดยรวมอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 100 เมตร

ที่ราบโครงสร้างเปลือกโลกต่ำ = ที่ราบต่ำรัสเซีย ที่ราเกรตเพลน
ที่ราบกร่อนตัว = เกิดจากการกัดกร่อนของตัวการธรรมชาติต่างๆทำให้ลดระดับต่ำลง
ที่ราบสะสมตัว = เกิดจากการสะสมตัวของตะกอน เช่น ที่ราบดินดอนปากแม่น้ำ ที่ราบรูปพัด ที่ราบน้ำท่วมถึง
ที่ราบธารน้ำแข็ง = เกิดจากการสะสมตัวของตะกอนที่พามาโดยธารน้ำแข็ง
ที่ราบลุ่มทะเลสาบ = เกิดจากการสะสมตัวของตะกอนในทะเลสาบ
ที่ราบก้นสมุทร = เกิดจากตะกอนที่ที่สะสมตัวอยู่บริเวณก้นสมุทร
ที่ราบหินละลาย = เกิดจากลาวาที่เย็นตัวสะสมกันอยู่บริเวณพื้นที่ใกล้ภูเขาไฟ

48
Q

ที่ราบสูง = สูงเกิน —- เมตรจากระดับน้ำทะเล / แบ่งเป็น

A

ที่ราบสูง = สูงเกิน 300 เมตรจากระดับน้ำทะเล
ที่ราบสูงระหว่างภูเขา = อยู่ระหว่างภูเขา เช่น ที่ราบสูงทิเบต ที่ราบสูงเกรตเบซิน
ที่ราบสูงเชิงเขา = อยู่บริเวณลาดเขา เช่น ที่ราบสูงปาตาโกเนีย
ที่ราบสูงทวีป หรือรูปโต๊ะ = เกิดจากการยกตัวขึ้น เช่น ที่ราบสูงเดคคาน ที่ราบสูงไฮเวลล์ ที่ราบสูงโคราช
ที่ราบสูงภูเขาไฟ = เกิดจากตะกอนภูเขาสะสมตัวจนยกสูง เช่น ที่ราบสูงบริติชโคลัมเบีย
ที่ราบสูงซอยแบ่ง = เกิดจากแม่น้ำเข้าไปกัดเซาะที่ราบสูงจนเกิดการยุบตัวเว้าแหว่ง เช่น ที่ราบสูงโอซาร์ค ที่ราบสูงนครไทย

49
Q

เนินเขา มีความลาดต่างระดับมากกว่า —- เมตร แต่สูงไม่เกิน —- เมตร / ได้แก่

A

เนินเขา = มีความลาดต่างระดับมากกว่า 100 มาตร แต่สูงไม่เกิน 600 เมตร

เนินเขาเกิดจากโครงสร้างเปลือกโลก
เนินเขาเกิดจากการกร่อนพังทลายของพื้นที่สูง

50
Q

ภูเขา = มีความลาดต่างระดับ และสูงเกิน —- เมตร / ได้แก่

A

ภูเขา = มีความลาดต่างระดับ และสูงเกิน 600 เมตร

ภูเขาเกิดจากการคดโค้ง = เทือกเขาแอล์ป เทือกเขาร็อกกี้ เทือกเขาหิมาลัย เทือกเขาในภาคเหนือของไทย
ภูเขารูปบล็อก หรือยอดตัด = ภูเขาแบล็คฟอร์เรส (เยอรมนี) ภูกระดึง ภูหลวง ภูเรือ จังหวัดเลย
ภูเขาไฟ = ภูเขาไฟฟูจิ ภูเขาไฟมายอน ภูเขาไฟกระกะตัว ภูเขาไฟเอตนา ภูเขาไฟสตรอมโบลิ ภูเขาไฟเซนต์เฮเลน
ภูกระโดง ภูพนมรุ้ง จังหัดบุรีรัมย์
ภูเขาที่เหลือจากการกัดกร่อน = เดิมทีเป็นภูเขาแต่ถูกกัดกร่อนจนคงเหลือสภาพเป็นที่ราบสูงและภูเขา หุบเขาสลับกัน เช่น แกรนด์แคนยอน สหรัฐอเมริกา

51
Q

ตัวการจัดระดับ : น้ำฝน

A

ภูเขาถล่ม ดินถล่ม โคลนเลื่อน ตลิ่งทรุด (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
ร่องน้ำ (Gully) โกรกธาร หรือโตรกธาร = ทางน้ำที่เกิดจากฝนไหลเป็นทางในภูเขา (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
แบดแลนดส์ = ภูเขาที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำฝนเกิดเป็นรูปทรงแปลกตา (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
เสาหิน เสาดิน เช่น โป่งยุบ (ราชบุรี) ฮ่อมจ๊อม (น่าน) แพะเมืองผี (แพร่) ละลุ (สระแก้ว) (กระบวนการเกิด : ผุพัง)

52
Q

ตัวการจัดระดับ : แม่น้ำวัยหนุ่ม = / ได้แก่

A

ตัวการจัดระดับ : แม่น้ำวัยหนุ่ม = ไหลแรงเป็นทางตรง แรงดันสูง ท้องร่องลึก แคบ

แก่ง และน้ำโจน (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
น้ำตก (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
กุมภลักษณ์ (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
หุบเขารูปตัววี (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
หุบเขารูปตัวยู และแคนยอน (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
ที่ราบรูปพัด (กระบวนการเกิด : ทับถม)

53
Q

ตัวการจัดระดับ : แม่น้ำวัยชรา = / ได้แก่

A

ไหลช้าลง ไหลคดเคี้ยว แรงดันตกลง ท้องร่องตื้นจากตะกอนที่สะสม ท้องน้ำกว้าง

ที่ราบน้ำท่วมถึง (กระบวนการเกิด : ทับถม)
ทะเลสาบรูปแอกหรือกุด หรือบึงโค้ง (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
ที่ราบดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ (กระบวนการเกิด : ทับถม)

54
Q

ตัวการจัดระดับ : น้ำใต้ดิน

A

น้ำพุ (ตาน้ำผุด) (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
บ่อน้ำแร่ (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
น้ำพุร้อน น้ำตกร้อน (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
กีเซอร์ (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
ถ้ำ (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
หินย้อย หินงอก (กระบวนการเกิด : ทับถม)
หลุมยุบ (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
แอ่งหินปูน (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
ป่าช้าหิน (กระบวนการเกิด : ผุพัง)

55
Q

ตัวการจัดระดับ : ลม

A

แอ่งในทะเลทราย (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
โอเอซิส (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
ทะเลสาบแห้ง (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
สันทราย (กระบวนการเกิด : ทับถม)
โขดหินรูปเห็ด หินรูปโต๊ะ แท่งหิน (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
ก้อนดินเลอส (กระบวนการเกิด : ทับถม)

56
Q

ตัวการจัดระดับ : ธารน้ำแข็ง

A

ทะเลสาบ (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
หุบเขารูปตัวยู (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
หุบเขาแขวน (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
ฟยอร์ด (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
เซิร์ก (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
อะรีต (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
ฮอร์น (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
เหวหิมะยอดเขา (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
ที่ราบเศษหินธารน้ำแข็ง (กระบวนการเกิด : ทับถม)

57
Q

ตัวการจัดระดับ : คลื่น

A

หน้าผาทะเล (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
ถ้ำทะเล โพรงหินริมฝั่ง (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
ช่องลม (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
สะพานหินธรรมชาติ (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
เกาะหินโด่ง (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
ชะวากทะเล (กระบวนการเกิด : ผุพัง)
ชายหาด (กระบวนการเกิด : ทับถม)
สันทรายนอกฝั่ง สันทรายจะงอย (กระบวนการเกิด : ทับถม)
ทะเลแหวก (กระบวนการเกิด : ทับถม)

58
Q

ความสำคัญของชั้นบรรยากาศโลก

A

เก็บกักก๊าซที่จำเป็นต่อสิ่งมีชีวิตต่างๆ
กรองรังที่อันตรายจากนอกโลก เช่น เอกซ์ แกมมา อัลตราไวโอเลต
เป็นเรือนกระจกรักษาอุณหภูมิให้โลกในเวลาที่ไม่ได้รับความร้อน ทำให้ไม่หนาวจัด ร้อนจัด
เป็นที่สะสมไอน้ำ ทำให้เกิดวัฏจักรของน้ำ

59
Q

บรรยากาศชั้นโทรโพสเฟียร์ :

A

เกิดปรากฏการณ์ทางลมฟ้าอากาศ หมอก เมฆ ฝน ลูกเห็บ หิมะ รุ้งกินน้ำ มีอากาศมาก ความดันสูง แปรปรวนมาก ยิ่งสูงยิ่งหนาว อุณหภูมิลดลง 6.4 องศาเซลเซียสต่อ 1 กิโลเมตร ด้านบนสุดเรียก โทรโพพอส

60
Q

บรรยากาศชั้นสตราโตสเฟียร์ :

A

อากาศเบาบาง สงบ ปราศจากความแปรปรวน ยิ่งสูงยิ่งร้อน ด้านบนสุดมีการสะสมตัวของก๊าซโอโซนมาก เรียก Ozone Layer เป็นจุดกรองรังสีที่สำคัญให้แก่โลก

61
Q

บรรยากาศชั้นเมโซสเฟียร์ :

A

ยิ่งสูงยิ่งหนาว อากาศลดต่ำได้ถึง -120 องศาเซลเซียส มีแนวเมโซพอสอยู่ เป็นจุดที่เทหวัตถุจากนอกโลกโดยมากแล้วจะเผาไหม้หมดที่บรรยากาศชั้นนี้

62
Q

บรรยากาศชั้นเทอร์โมสเฟียร์ :

A

ร้อนจัด อากาศเบาบาง โมเลกุลของก๊าซแตกตัวเป็นประจุ เรียกว่าชั้น ไอโอโนสเฟียร์ก็ได้ เป็นชั้นที่ใช้ประโยชน์ในการสะท้อนคลื่นวิทยุระบบ AM และเกิดปรากฏการณ์ Aurora Borealis, Aurora Australis

63
Q

บรรยากาศชั้นเอกโซสเฟียร์ :

A

ร้อนมากๆ อากาศเบาบางมาก เหลือแต่ประจุ ไม่มีขอบเขตแน่ชัด เป็นส่วนของชั้นอวกาศ มีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์โลกน้อยที่สุด

64
Q

ลมฟ้าอากาศ หรือ Weather =
ภูมิอากาศ หรือ Climate =

A

อากาศในช่วงเวลาหนึ่งๆ ในพื้นที่หนึ่งๆ
สภาพอากาศโดยเฉลี่ย โดยภาพรวมของพื้นที่หนึ่งๆ ตลอดระยะเวลาหนึ่งๆ

65
Q

ปัจจัยที่กำหนดความแตกต่างด้านอุณหภูมิในแต่ละพื้นที่

A

พื้นดิน พื้นน้ำ
การระเหย การควบแน่น
ปริมาณเมฆ
ช่วงเวลาของวัน
ความกดอากาศ
ความชื้น
ฤดูกาล

66
Q

ฤดูกาล เกิดจาก

A

แกนโลกเอียง 23.5 องศาเมื่อหมุนรอบตัวเองและโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทำให้แต่ละช่วงของปี หันส่วนต่างๆเข้าหาดวงอาทิตย์ในระยะใกล้ไกลไม่เท่ากัน

67
Q

21 มิถุนายน

A

อุตรายัน หรือ ครีษมายัน
Summer Solstice
โลกหันหน้าเอา Tropic of Cancer เข้าหาดวงอาทิตย์ ซีกโลกเหนือเป็นฤดูร้อน กลางวันยาว กลางคืนสั้น
ซีกโลกใต้เป็นฤดูหนาว กลางวันสั้น กลางคืนยาว
หลังจากนี้ซีกโลกเหนือจะร้อนจนถึงที่สุดและคลายร้อน ไปสู่ฤดูใบไม้ร่วง
เกิดปรากฏการณ์ Midnight Sun ในซีกโลกเหนือ บริเวณใกล้ขั้วโลก

68
Q

22 กันยายน

A

ศารทวิษุวัต
Autumn Equinox
โลกหันหน้าเอาศูนย์สูตรเข้าหาดวงอาทิตย์ ซีกโลกเหนือใต้ กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน
ซีกโลกเหนือเป็นฤดูใบไม้ร่วง ซีกโลกใต้เป็นฤดูใบไม้ผลิ
หลังจากนี้ซีกโลกเหนือจะหนาวขึ้นเรื่อยๆ ไปสู่ฤดูหนาว

69
Q

21 ธันวาคม

A

ทักษิณายัน หรือ เหมายัน
Winter Solstice
โลกหันหน้าเอา Tropic of Capricorn เข้าหาดวงอาทิตย์ ซีกโลกเหนือเป็นฤดูหนาว กลางวันสั้น กลางคืนยาว
ซีกโลกใต้เป็นฤดูร้อน กลางวันยาว กลางคืนสั้น
หลังจากนี้ซีกโลกเหนือจะหนาวจนถึงที่สุดและคลายหนาว ไปสู่ฤดูใบไม้ผลิ
เกิดปรากฏการณ์ Midnight Sun ในซีกโลกใต้ บริเวณใกล้ขั้วโลก

70
Q

21 มีนาคม

A

วสันตวิษุวัต
Spring Equinox
โลกหันหน้าเอาศูนย์สูตรเข้าหาดวงอาทิตย์ ซีกโลกเหนือใต้ กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน
ซีกโลกเหนือเป็นฤดูใบไม้ผลิ ซีกโลกใต้เป็นฤดูใบไม้ร่วง
หลังจากนี้ซีกโลกเหนือจะอุ่นขึ้นเรื่อยๆ ไปสู่ฤดูร้อน

71
Q

กระแสอากาศ =
ลม =
ความกดอากาศสูง = — / ความกดอากาศต่ำ = —- : ลมพัดจากที่เย็นไปสู่ที่ร้อน

A

อากาศที่เคลื่อนที่ในแนวดิ่ง
มวลอากาศที่เคลื่อนที่ในแนวนอน ขนานกับพื้นโลก เกิดจากความแตกต่างระหว่างความกดอากาศระหว่างพื้นที่
อุณหภูมิต่ำ / อุณหภูมิสูง

72
Q

ลมประจำปี = / แบ่งเป็น

A

พัดอยู่ที่เดิมตลอดทั้งปี พัดในห้องอากาศประจำของตนเอง เกิดจากความแตกต่างด้านความกดอากาศระหว่างเขตพื้นที่ต่างละติจูดในโลก

ลมที่พัดในห้องอากาศแฮดลี่ย์ = ลมค้า
ลมที่พัดในห้องอากาศเฟอร์เรลล์ = ลมตะวันตก
ลมที่พัดในห้องอากาศขั้วโลก = ลมขั้วโลก

73
Q

ลมประจำฤดู = / แบ่งเป็น

A

ลมที่พัดเฉพาะฤดู เกิดความแตกต่างระหว่างอากาศบนฝั่งและในทะเล

ลมมรสุมฤดูร้อน = ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ พัดเดือนพฤษภาคมถึงประมาณตุลาคม
* ซีกโลกเหนือร้อน โลกหันเอา Cancer เข้าหาดวงอาทิตย์ อากาศในทะเลเย็นกว่า ลมพัดจากทะเลสู่บก
* พัดเอาความชื้นมาให้ ทำให้ฝนตกตลอดช่วงมรสุม
ลมมรสุมฤดูหนาว = ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ พัดเดือนพฤศจิกายนถึงประมาณกุมภาพันธ์
* ซีกโลกเหนือหนาว โลกหันเอา Capricorn เข้าหาดวงอาทิตย์ อากาศในทะเลอุ่น ลมพัดจากบกสู่ทะเล
* พัดเอาความหนาวจากทางเหนือมาฝากให้ ทำให้อากาศทางตอนใต้แถบศูนย์สูตรลดต่ำลง
* อากาศแห้ง ท้องฟ้าโปร่ง พื้นที่ติดทะเลบางแห่งเกิดฝนตก เช่น ภาคใต้ฝั่งตะวันออก (อ่าวไทย)

74
Q

ลมประจำถิ่น

A

ลมตะเภา พัดจากอ่าวไทย ขึ้นเหนือ พัดเอาความชื้นมาให้ พัดช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน
ลมข้าวเบา พัดจากตอนเหนือลงสู่ทะเล พัดเอาอากาศแห้งมาให้ พัดช่วงเดือนกันยายน – พฤศจิกายน
ลมเพชรหึง พัดนำมรสมุมตะวันตกเฉียงใต้ ในช่วงเปลี่ยนฤดู ประมาณเดือนเมษายน – พฤษภาคม

75
Q

ลมประจำเวลา

A

ลมทะเล = กลางวัน ทะเลเย็น บกร้อน ลมพัดจากทะเลสู่บก
ลมบก = กลางคืน ทะเลอุ่น บกเย็น (คลายความร้อนเร็ว) ลมพัดจากบกสู่ทะเล
ลมหุบเขา = กลางวัน หุบเขาไม่ได้รับแสงอาทิตย์มากเย็นกว่ายอดเขาที่ได้รับแดด ลมพัดจากหุบเขาสู่ยอดเขา
ลมภูเขา = กลางคืน อุณหภูมิยอดเขาลดต่ำอย่างรวดเร็ว ลมดพัดจากภูเขาสู่หุบเขา

76
Q

ปัจจัยที่มีผลต่อสภาพภูมิอากาศ และการแบ่งเขตภูมิอากาศ

A
  1. ที่ตั้งละติจูด
  2. ความใกล้ไกลทะเล
  3. ลมประจำ
  4. กระแสน้ำในมหาสมุทร
  5. ความสูงต่ำของพื้นที่
  6. การวางตัวของเทือกเขา
  7. การแบ่งเขตภูมิอากาศโดยเกณฑ์การแบ่งของเคิปเปน แบ่งได้โดยอาศัยปัจจัยสำคัญ 3 ประการ ได้แก่
    อุณหภูมิเฉลี่ย
    ปริมาณน้ำฝน
    พืชพรรณธรรมชาติ
77
Q

A
B
C
D
E

A

ภูมิอากาศร้อนชื้นแถบศูนย์สูตรทุกเดือนอุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่า 18°C
ไม่มีฤดูหนาว ปริมาณน้ำฝนสูงกว่าการระเหย

ภูมิอากาศแห้งแล้ง ฝนตกน้อยการระเหยของน้ำมากมี 2 กลุ่ม
คือ BS หมายถึง เขตกึ่งแห้งแล้งหรือ สเต็ปป์ และ BW หมายถึงเขตแห้งแล้ง หรือ ทะเลทราย

ภูมิอากาศอบอุ่น ฤดูร้อนอากาศอบอุ่นฤดูหนาวไม่หนาวมาก
อุณหภูมิเฉลี่ยของเดือนที่หนาวที่สุดต่ำกว่า 18°C และสูงกว่า -3°C

ภูมิอากาศหนาวเย็น ฤดูร้อนอากาศเย็น ฤดูหนาวหนาวเย็น
อุณหภูมิเฉลี่ยของเดือนที่อบอุ่นที่สุดไม่ต่ำกว่า 10°C อุณหภูมิเฉลี่ยของเดือนที่หนาวที่สุดต่ำกว่า -3°C

ภูมิอากาศขั้วโลกอุณหภูมิเฉลี่ยของเดือนที่อบอุ่นที่สุดต่ำกว่า 10°C
มี 2 กลุ่ม คือ EF พบในบริเวณที่มีน้ำแข็งปกคลุมถาวร และแบบทุนดรา (Tundra)
ET ซึ่งจะมีระยะเวลาเพียง 4 เดือนที่อุณหภูมิสูงกว่าจุดเยือกแข็ง

78
Q

้ำบนโลกส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบ, น้ำจืดร้อยละ

A

น้ำบนโลกส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบน้ำเค็ม ส่วนที่เป็นน้ำจืดมีเพียงไม่เกินร้อยละ 2.5 ของปริมาณน้ำทั้งหมดในโลก

79
Q

น้ำบนโลกสะสมตัวอยู่ตาม

A

น้ำแข็งบริเวณขั้วโลก ธารน้ำแข็ง น้ำใต้ดิน น้ำในทะเลและมหาสมุทร น้ำในทะเลสาบ น้ำในดิน น้ำในแม่น้ำลำธาร และอยู่ในรูปของไอน้ำด้วย

80
Q

มหาสมุทรที่สำคัญของโลก มี 5 แห่ง ได้แก่

A

แปซิฟิค แอตแลนติก อินเดีย อาร์กติก และใต้

81
Q

ทะเล มี 3 ประเภท คือ

A

ทะเลเปิด เป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทร เช่น เหนือ จีนใต้ อันดามัน อาหรับ เป็นต้น
ทะเลปิด หรือทะเลสาบ ไม่มีทางไหลสู่มหาสมุทร เช่น ไบคาล วิคตอเรีย เป็นต้น
ทะเลภายใน มีแผ่นดินล้อมรอบ แต่ยังมีส่วนที่ติดต่อไปยังมหาสมุทรภายนอกได้ เช่น เมดิเตอร์เรเนียน แดง ดำ บอลติก เป็นต้น

82
Q

ทะเลสาบ เกิดได้จากกระบวนการหลักๆ 2 ประการ คือ

A

เกิดจากกระบวนการแปรสัณฐาน
* เกิดจากการยุบตัวหรือแยกตัวของธรณีภาค เช่น ไบคาล แคสเปียน วิคตอเรีย แทนแกนยิกา มาลาวี
อารัล เป็นต้น
* เกิดจากปากปล่องภูเขาไฟที่เย็นแล้ง เช่น เครเตอร์เลค เป็นต้น

เกิดจากการจัดระดับผิวดิน
* เกิดจากธารน้ำแข็งเป็นตัวการ เช่น : ซูพีเรีย มิชิแกน อีรี ฮูรอน ออนแทริโอ
* เกิดจากทะเลเป็นตัวการ (ลากูน) เช่น ทะเลสาบสงขลา
* เกิดจากแม่น้ำเป็นตัวการ (กุด หรือบึงโค้ง)
* เกิดจากแม่น้ำเป็นตัวการพาตะกอนมาปิดทะเลเดิม เช่น ทะเลสาบเขมร

83
Q

ธรรมชาติของทะเลและมหาสมุทร

A

น้ำทะเลมีส่วนผสมเป็นสารละลาย หรือน้ำเกลือ โดยเฉลี่ยในน้ำทะเล 1,000 กรัม จะมีเกลือประมาณ 35 กรัม และ
ยังมีสารละลายอื่นๆ เช่น คาร์บอน ซิลิกอน โบรมีน กำมะถัน ทองคำ ทองแดง ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีก๊าซต่างๆและ
สารแขวนลอยประกอบอยู่ด้วย
ความเค็มของน้ำทะเล : มีการระเหยมาก เค็มมาก มีการกลายเป็นน้ำแข็งมาก เค็มมาก มีปริมาณฝนและหิมะมาก
จะเค็มน้อย มีแม่น้ำลำธารหรือกระแสน้ำไหลเข้ามามาก จะเค็มน้อย
อุณหภูมิของน้ำทะเล : อุณหภูมิของน้ำทะเลแตกต่างกันไปตามแต่ละติจูด อุณหภูมิที่แตกต่างกันเป็นต้นเหตุสำคัญ
ของการไหลเวียนของกระแสน้ำในมหาสมุทรในลักษณะที่คล้ายกันกับการเกิดลม
ความหนาแน่นของน้ำทะเล ขึ้นอยู่ปัจจัยต่างๆ คือ
* ปริมาณสารละลาย มีเกลือมากหรือน้อย หากมีมาก จะมีความหนาแน่นมาก
* อุณหภูมิของน้ำ มีอุณหภูมิต่ำจะมีความหนาแน่นมาก หากอุ่นขึ้นมวลน้ำจะขยายตัว ทำให้หนาแน่น
ลดลง
* ความลึกของน้ำทะเล หากมีความลึกมาก จะมีน้ำหนักมากตามมวลของน้ำที่กดทับเอาไว้
สิ่งมีชีวิตในทะเล
* แพลงตอน = เคลื่อนที่เองไม่ได้ มีขนาดเล็ก ล่องลอยไปตามผิวน้ำ
* เนคตอน = เคลื่อนที่ด้วยตนเอง ได้แก่ ปลา สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เปลือกแข็ง เป็นต้น
* เบนทอส = อาศัยอยู่ก้นทะเล มีทั้งเคลื่อนที่ได้และไม่ได้ เช่น หอย ปะการัง สาเหร่าย เป็นต้น
แสงสว่างในทะเล โดยปกติ หากน้ำใส แสงอาทิตย์จะส่องลึกลงไปในน้ำทะเลได้ประมาณ 200 เมตร เขตที่ได้รับแสง
สว่างจากดวงอาทิตย์เรียกว่า “เขตเนอริติก”

84
Q

การเคลื่อนที่ของทะเลและมหาสมุทร

A

เคลื่อนที่จากคลื่น = เกิดจากลม
เคลื่อนที่จากคลื่นยักษ์ หรือสึนามิ = เกิดจากแผ่นดินไหว
เคลื่อนที่จากน้ำขึ้นน้ำลง = เกิดจากแรงดึงดูดของดวงดาว
เคลื่อนที่จากกระแสน้ำในมหาสมุทร

85
Q

น้ำขึ้นน้ำลง น้ำเกิดน้ำตาย น้ำมากน้ำน้อย

A

น้ำขึ้นน้ำลงเกิดจากแรงดึงดูดของดวงจันทร์เป็นหลัก เกิดขึ้นทุกวัน วันละ 2 รอบ คือ น้ำขึ้นสุด 2 ครั้ง น้ำลงสุด 2
ครั้งในรอบวัน มีระยะเวลาระหว่างรอบ ประมาณ 6 ชั่วโมง 12 นาที
วงรอบการเกิดขึ้นของน้ำขึ้นน้ำลงระหว่างวันจะห่างกันออกไป 48 นาทีในทุกๆวัน ทั้งนี้ เนื่องมาจากการโคจรของ
ดวงจันทร์ที่มีการเปลี่ยนตำแหน่งโคจรรอบโลกไปในทุกๆวัน
น้ำเกิด = เกิดเมื่อดวงจันทร์และดวงอาทิตย์อยู่ในระนาบเดียวกัน แรงดึงดูดมากกว่าปกติ น้ำขึ้นก็ขึ้นมาก ลงก็ลง
มากกว่าปกติ มักจะเกิดในวันขึ้น และ แรม 15 ค่ำ เดือนหนึ่งอาจเกิดขึ้นได้ 2 ครั้ง
น้ำตาย = เกิดเมื่อดวงจันทร์ดวงอาทิตย์อยู่ในแนวตั้งฉากกัน แรงลัพธ์จากการดึงดูดระหว่างกันมีค่าใกล้ 0 ทำให้ใน
วันนั้น น้ำขึ้นน้อยและน้ำลงน้อยกว่าปกติจนแทบไม่ขึ้นหรือลง เรียกว่าน้ำตาย มักจะเกิดในวันขึ้นและแรม 8 ค่ำ
น้ำมาก น้ำน้อย = ดวงจันทร์ไม่ได้โคจรรอบโลกเป็นวงกลม แต่เป็นวงรี และโลกไม่ได้อยู่กึ่งกลางพอดีของวงโคจร
ทำให้ดวงจันทร์อาจเคลื่อนโคจรเข้ามาใกล้โลกในบางวันมากกว่าปกติ หรือบางวันก็อยู่ห่างออกไปมากกว่าปกติได้
เช่นกัน วันที่ดวงจันทร์เคลื่อนเข้ามาใกล้โลกมากกว่าปกติ ก็จะทำให้น้ำขึ้นมากกว่าปกติ เรียกวันน้ำมาก วันที่
เคลื่อนที่ห่างออกไป ก็เรียกวันน้ำน้อย

86
Q

กระแสน้ำในมหาสมุทร

A

วาดภาพตามหนังสือ

87
Q

อิทธิพลของกระแสน้ำอุ่น และ เย็น

A

อิทธิพลของกระแสน้ำอุ่น : ทำให้อากาศชื้น อบอุ่น มีอิทธิพลต่อความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณธรรมชาติ
อิทธิพลของกระแสน้ำเย็น : ทำให้อากาสแห้ง เย็น อาจทำให้เกิดพื้นที่ทะเลทราย

88
Q

ภูมิลักษณ์ทางอุทกภาคและชายฝั่ง
1. ชายฝั่งทะเลแบบยุบจม

A

เกิดจากการที่เปลือกในบริเวณริมฝั่งทะเลยุบจมลง หรือน้ำทะเลมีระดับสูงขึ้นจนท่วมแผ่นดิน
ชายฝั่งไม่ค่อยมีที่ราบ หาดสั้น หรือไม่มีหาด มีหน้าผาทะเล เกาะแก่งและโขดหินมาก เว้าแหว่ง
พบภูเขาหินปูนมาก เกิดชะวากทะเลขึ้น
ในประเทศไทยพบที่ชายฝั่งทะเลอันดามัน จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล

89
Q

ภูมิลักษณ์ทางอุทกภาคและชายฝั่ง
2. ชายฝั่งทะเลแบบยกตัว

A

เกิดจากการที่เปลือกโลกยกตัวขึ้น หรือน้ำทะเลมีระดับลดลงจนเกิดฝั่ง
มีพื้นที่ชายฝั่ง มีหาดที่เกิดจากการทับถมของตะกอนมานอน มีเกาะขนาดใหญ่ ไม่ค่อยพบเกาะเล็กๆริมฝั่ง
ไม่พบโขดหินมาก น้ำตื้นกว่าแบบยุบจม
ในประเทศไทยพบที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ภาตใต้ฝั่งตะวันออกและภาคตะวันออก

90
Q

ภูมิลักษณ์ทางอุทกภาคและชายฝั่ง
3. เกาะ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

A

เกาะริมทวีป = อาจจะเคยเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินมาก่อน แล้วเกิดการเคลื่อนไหวของแผ่นธรณีภาคทำให้แยกตัว
ออกไป หรือเกิดจากการกัดเซาะของคลื่นหรือกระแสน้ำ ทำให้แยกตัวออกไปจากแผ่นดินใหญ่ เช่น หมู่เกาะอังกฤษ
เกาะกรีนแลนด์ เกาะแทสมาเนีย เกาะภูเก็ต เกาะสมุย เป็นต้น
เกาะกลางสมุทร แบ่งเป็น 2 แบบ ได้แก่
* เกาะภูเขาไฟ เกิดจากตะกอนภูเขาไฟทับถมกัน เช่น เกาะฮาวาย
* เกาะปะการัง เกิดจากปูนขาวที่ปะการังผลิตออกมาเมื่อตาย หากเกิดในน้ำรอบๆเกาะภูเขาไฟเดิม เมื่อ
ภูเขาไฟยุบหายไป จะเรียกว่า อะโทล

91
Q

ภูมิลักษณ์ทางอุทกภาคและชายฝั่ง
3. อาณาเขตทางทะเล

A

น่านน้ำภายใน = น่านน้ำที่อยู่หลังเส้นฐานแห่งทะเลอาณาเขต เช่น น้ำในแม่น้ำ ลำธาร อ่าว ทะเลสาบ ปากแม่น้ำ
ทะเลอาณาเขต = นับจากเส้นฐานที่กำหนดจากหมุดไป 12 ไมล์ทะเล เป็นอาณาเขตของประเทศหนึ่งๆโดยสมบูรณ์
มีอำนาจอธิปไตยเต็มที่
เขตต่อเนื่อง = นับจากเส้นฐานไปไม่เกินกว่า 24 ไมล์ทะเล สามารถบังคับใช้กฎหมายบางประการ เช่น ข้อบังคับ
ศุลกากร การคลัง การเข้าเมือง สุขาภิบาล และดำเนินการด้านวัตถุโบราณ วัตถุทางประวัติศาสตร์ได้
เขตเศรษฐกิจจำเพาะ = นับจากเส้นฐานไปไม่เกินกว่า 200 ไมล์ทะเล เป็นเขตพื้นที่ที่ใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
เช่น การสำรวจ การแสวงประโยชน์ การอนุรักษ์ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
ทะเลหลวง = ทุกส่วนของทะเลที่ไม่ได้รวมอยู่เขตที่ระบุมาข้างต้นทั้งหมด เป็นพื้นที่เปิดให้แก่รัฐทั้งปวง สามารถใช้
เพื่อการเดินเรือ การบิน การทำประมงได้ แต่ไม่อาจครอบครองหรืออ้างสิทธิ์ได้ โดยทุกรัฐที่ทำการประมงหรือใช้
ประโยชน์ในทะเลหลวงจะต้องช่วยกันอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรที่มีชีวิตในท้องทะเล

92
Q

จงวาดภาพภูมิลักษณ์ที่ได้จากตัวกระทำคือแม่น้ำทั้งหมด

A

วาดภาพตามหนังสือ